ใครที่ชอบชาเขียวญี่ปุ่นต้องห้ามพลาดเมืองอุจิ (Uji) ในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) แห่งนี้เลยค่ะ ซึ่งไฮไลท์สำคัญของที่นี่ก็คือวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) ที่อยู่บนหลังเหรียญ 10 เยน และถนนชาเขียว (Byodoin Omotesando) ที่จะพาเราเข้าสู่วัดค่ะ และถ้าเพื่อนๆ มาเที่ยวช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ให้ชมด้วยนะคะ

เกี่ยวกับเมืองอุจิ (Uji)

วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple / 平等院)

เมืองอุจิ (Uji / 宇治) เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของเมืองเกียวโต (Kyoto) สามารถเดินทางมาได้สะดวกทั้งจากใจกลางจังหวัดเกียวโต (Kyoto) และจังหวัดนารา (Nara) มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple / 平等院) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1052 และรูปของหอ Hoodo (鳳凰堂) หรือที่เรียกว่า หอนกฟินิกซ์ (Phoenix Hall) ซึ่งป็นอาคารหลักของวัดก็ได้ปรากฎอยู่บนหลังเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น

นอกจากนี้เมืองอุจิยังเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตชาเขียวชื่อดังของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองแห่งนี้สามารถลิ้มลองชาเขียวอุจิในรูปแบบต่างๆ ทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาว ขนมหวานได้ที่ร้านค้าทั้งสองฟากฝั่งของถนนชาเขียว เบียวโดอิน โอโมเตะซันโด (Byodoin omotesando / 平等院表参道) ซึ่งเป็นถนนทางเข้าสู่วัดเบียวโดอินอีกด้วย

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี

ปีวันที่เริ่มพีควันที่ร่วง
202224 พฤศจิกายน ~8 ธันวาคม ~
202125 พฤศจิกายน ~9 ธันวาคม ~
*อัปเดตพยากรณ์ล่าสุด Oct 16, 2022

วิธีการเดินทางมาเมืองอุจิ

สถานีรถไฟใกล้เคียง ได้แก่

  • JR Uji (JR Nara Line)
    • จากสถานี Kyoto หรือ Nara ให้นั่งรถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี JR Uji [ดูแผนที่]
  • Keihan Uji (Keihan-Uji Line)
    • จากสถานี Chushojima ให้นั่งรถไฟสาย Keihan-Uji Line มาลงที่สถานี Keihan Uji [ดูแผนที่]

รีวิวเที่ยวเมืองอุจิ (Uji)

จากในรีวิวก่อนเราอยู่กันที่วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี Tofukuji (ถัดจากสถานี Kyoto มา 1 ป้าย) บนสายรถไฟ JR Nara Line เส้นทางเดียวกันกับที่จะมาเมืองอุจิเลยค่ะ

จากสถานี Tofukuji ใช้เวลาเดินทางมายังสถานี Uji ประมาณ 17 – 22 นาที หรือถ้ามาจากสถานี Kyoto ก็จะใช้เวลาประมาณ 20 – 25 นาที (แล้วแต่ขบวน ถ้าเป็น Rapid ก็จะเร็วกว่า Local)

พอออกจากสถานีรถไฟ JR Uji ก็เดินข้ามถนนมุ่งหน้าไปหาอะไรทานก่อนเลย ตอนนี้กำลังหิวมากๆ ค่ะ เพราะเป็นเวลาเที่ยงแล้ว

ถนนช้อปปิ้งอุจิบาชิ (Ujibashi-dori Shopping Street)

โซนแรกที่เราจะเจอก็จะเป็นย่านถนนช้อปปิ้ง Ujibashi-dori Shopping Street (宇治橋通り商店街) [ดูแผนที่] ตรงนี้มีร้านอาหารและร้านขายของฝากจากชาเขียวหลายร้านเลย

Nakamura Tokichi Head Shop (中村藤吉 宇治本店)

เดินตรงมานิดหน่อยจะเจอกับทางแยกซึ่งมีร้านชาเขียว Nakamura Tokichi อยู่พอดี ร้านนี้เป็นร้านชาเขียวชื่อดัง ด้านในคนเยอะมากกก เข้าไปดูแล้วเจอคิวรอหลายชั่วโมง ก็ถอยดีกว่า เราก็เลยเลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนน Ujibashi-Dori (宇治橋通り) แทนค่ะ

เดินมาเรื่อยๆ จนสุดถนนเราก็จะเจอแยกที่มีประตูเสาโทริใหญ่ๆ แบบในรูปค่ะ หากไปทางซ้ายก็จะเจอกับสะพาน Ujibashi Bridge (宇治橋) ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำอุจิ ถ้าเลี้ยวทางขวารอดใต้ประตูเสาโทริอิ ก็เป็นทางไปศาลเจ้าอากาตะ (Agata Shrine / 縣神社) สำหรับถนนชาเขียว (Byodoin omotesando / 平等院表参道) ก็เป็นตรอกเล็กๆ ตามที่มีป้ายชี้ในรูปด้านบนค่ะ

ถนนชาเขียว (Byodoin Omotesando)

ถนนชาเขียว เบียวโดอิน โอโมเตะซันโด (Byodoin Omotesando / 平等院表参道) [ดูแผนที่] เข้ามาในถนนนี้แล้วก็เจอร้านชาเขียวเต็มไปหมดทั้งสองฝั่ง ความยาวถนนประมาณ 200 เมตร นึกเเลยค่ะอยากทานอะไร มีร้านให้เลือกสารพัด

สองร้านนี้มีราเม็งชาเขียว เกี๊ยวซ่าชาเขียว ทาโกยากิชาเขียว รวมถึงซอฟครีมชาเขียว

แต่สำหรับแอดมินนั้นอยากทานโซบะชาเขียวค่ะ ก่อนอื่นก็ขอมาสำรวจร้านและความยาวของแถวที่ต่อกันก่อน เดินมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงทางเข้าวัด ก็มาเจอร้านอุด้งโซบะนี้อยู่ตรงสุดถนนก่อนทางเข้าวัดค่ะ เมนูน่าทาน ตรงกับความต้องการพอดี แถวไม่ยาวมากด้วยก็เข้าไปต่อแถวกันเล้ย!

ซารุโซบะชาเขียว 850 เยน

โซบะชาเขียวเทมปุระ 900 เยน

จากการที่ลองทานทั้ง 2 เมนูแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าเส้นชาเขียวไม่ต่างจากเส้นปกติค่ะ 555 แต่ที่แน่ๆ น้ำซุปต่างๆ หอมอร่อยค่ะ ขาเขียวร้อนที่เสิร์ฟให้ฟรีก็หอมมากค่ะ ฟาดแป๊บเดียวหมด แต่ยังไม่สะกิดท้องเท่าไหร่ ก็ไปหาของหวานตบท้องกันต่อค่ะ

เดินย้อนกลับมาที่ร้าน Nakamura Tokichi Byodo-in (中村藤吉平等院店) ซึ่งเป็นสาขาย่อยของร้านแรกที่แอดมินอยากลองค่ะ ตรงนี้จะมีร้านขายซอฟครีมด้านหน้าด้วย รอคิวไม่นานค่ะ จัดไป! Uji Kin Soft Serve Ice Cream [Autumn] ราคา 650 เยน มีขายเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วย ชาเขียวมัทฉะและโฮจิฉะหอมอร่อยจนต้องแวะเข้าร้านขายของฝากที่อยู่ด้านหน้า เพื่อซื้อขาเขียวกลับบ้านมาด้วยจ้า

เติมพลังงานเรียบร้อยแล้วก็ไปชมวัดกันต่อเลยค่ะ เดินมาเจอ Starbucks Coffee Kyoto Uji Byodo-in Omote Sando สาขานี้อยู่ตรงตรอกด้านซ้ายก่อนทางเข้าวัดนะคะ แอดมินแค่แวะมาโฉบๆ ดู ไม่ได้เข้าไปด้านในค่ะ

วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)

ตรงทางเข้าวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple / 平等院) [ดูแผนที่] มีใบไม้แดงพอให้ชื่นใจ วัดนี้สามารถมาชมได้ทุกฤดูกาล ในแต่ละช่วงก็จะมีสีสันที่แตกต่างกันไป

ข้อมูลการเยี่ยมชมวัดเบียวโดอิน

  • ค่าเข้าชม:
    • ผู้ใหญ่ 600 เยน
    • นักเรียนชั้นมัธยม 400 เยน
    • นักเรียนชั้นประถม 300 เยน
  • เวลาทำการ:
    • บริเวณสวน 8:30 – 17:30 น. (เข้าก่อน 17:15 น.)
    • เยี่ยมชมหอ Hoodo 9:30 – 17:30 น. (ทุก 20 นาที / จำกัด 50 คนต่อรอบ)
    • พิพิธภัณฑ์ Hosho-kan 9:00 – 17:00 น. (เข้าก่อน 16:45 น.)
    • ร้านชา Sabo Toka 10:00 – 16:30 น. (Last Order 16:00 น.)
  • การเดินทาง: [ดูแผนที่]
    • เดินประมาณ 10 นาที จากสถานี JR Uji หรือ สถานี Keihan Uji

ซื้อตั๋วเข้าชมวัดกันก่อน ผู้ใหญ่ราคา 600 เยน นอกจากนี้ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็ยังมีการประดับไฟตอนกลางคืนอีกด้วยนะคะ ดูจากรูปแล้วอลังการมากๆ เลยค่ะ

กำหนดการจัดงาน Special Night Visit in Autumn

  • ปี 2022:
    • วันที่จัดงาน: 19, 20, 23, 26, 27 พฤศจิกายน 2022 และ 3, 4 ธันวาคม 2022
    • ช่วงเวลา: 18:00 – 20:30 น. (เข้าก่อน 20:15 น.)
    • ค่าเข้าชม: 1,000 เยน (อายุตั้งแต่ 13 ปี)
  • ปี 2021: เปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่จองผ่านบริษัททัวร์เท่านั้น
    • วันที่จัดงาน: 20-22 และ 27-28 พฤศจิกายน 2021
    • ช่วงเวลา: 18:00 – 20:00 น.
    • ค่าเข้าชม: ขึ้นอยู่กับแพลนของแต่ละบริษัท
  • ปี 2020: ยกเลิกการจัดงาน
  • ปี 2019:
    • วันที่จัดงาน: 16-17, 22-24, 29-30 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม 2019

เมื่อเข้ามาด้านในวัด โซนแรกที่เจอจะเป็นสวนค่ะ

เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอด้านข้างของหอหลัก Hoodo (鳳凰堂) หรือที่เรียกว่า หอนกฟินิกซ์ (Phoenix Hall) ค่ะ มีนกเกาะอยู่ตรงต้นไม้พอดี คนก็รุมถ่ายกันใหญ่เลย ประดุจว่าเป็นนกฟินิกซ์ตามชื่อหอ หุหุ

ภายในหอเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลัก สามารถเข้าไปเยี่ยมชมด้านในได้ค่ะ โดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 300 เยน

ช่วงที่ไปคือประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ต้นเมเปิ้ลในวัดยังไม่ค่อยเปลี่ยนสีเท่าไหร่ ถ้าให้ดีต้องมาตอนสิ้นเดือนพฤศจิกายนหรือตอนต้นเดือนธันวาคมเลยค่ะ น่าจะพีคจัดๆ ที่ช่วงนี้

รูปหอนกฟินิกซ์กับเหรียญ 10 เยน

ภาพมุมกว้างจากอีกฝั่ง

Hosho-kan Museum (鳳翔館)
ตรงนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัตถุโบราณต่างๆ ภายในห้ามถ่ายรูป เลยไม่มีภาพมาฝากเพื่อนๆนะคะ

ออกมาด้านนอกพิพิธภัณฑ์ก็จะเจอใบไม้แดงพอให้ชื่นใจ

หลังจากชมวัดเสร็จแล้วเราก็กลับออกมาทางเดิมค่ะ ระหว่างทางก็เดินเข้าร้านหาซื้อของฝากอีกรอบ แล้วก็มาแวะกันที่รูปปั้น Statue of Murasaki Shikibu (紫式部石像) ที่อยู่ใกล้ๆ กับสะพานอุจิบาชิ (Ujibashi Bridge / 宇治橋) ที่อยู่ใกล้ๆ กับต้นถนนชาเขียวค่ะ

Murasaki Shikibu นั้นเป็นผู้ประพันธ์เรื่อง “ตำนานเก็นจิ (Tale of Genji)” หรือที่เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า “Genji Monogatari (源氏物語)” โดยได้เขียนแต่งขึ้นเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อน ถือได้ว่าเป็นนวนิยายที่มีความเก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกเลยนะคะ และหนึ่งในฉากที่สำคัญของเรื่องนี้ก็อยู่ที่เมืองอุจิแห่งนี้นี่เองค่ะ

ส่งท้าย

แอดมินได้ใช้เวลาเที่ยวที่เมืองอุจิ (Uji) ประมาณ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งก็หมดเวลาไปกับการหาของฝากติดไม้ติดมือ ซึ่งมีหลายร้านเลย เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ขนมของแต่ละร้านน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ว่าการท่องเที่ยวเกียวโตใน 1 วันนี้ยังไม่จบเพียงแค่เมืองนึ้นะคะ เพราะเราจะพาไปชมแสงไฟในเกียวโตช่วงยามค่ำกันต่อ รอติดตามชมได้ในรีวิวหน้านะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เที่ยวกิออน (Gion) ย่านเกอิชาและไมโกะแห่งเมืองเกียวโต ชมสเน่ห์ของเมืองเก่ายามเย็น

บทความเที่ยวเกียวโต (Kyoto)

การเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยว
› เกียวโตตะวันออก (Eastern Kyoto)
› เกียวโตตะวันตก (Western Kyoto)
› เกียวโตเหนือ (Northern Kyoto)
› เกียวโตใต้ (Southern Kyoto)
ร้านอาหาร

+ ดูบทความเที่ยวเกียวโตทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com