วันนี้เราจะพามาชมวัดขนาดใหญ่มากกกอีกแห่งของเกียวโต (Kyoto) นั่นก็คือวัดไดโกจิ (Daigoji Temple) นั่นเองค่ะ เป็นวัดที่มีวิวสวยมากทั้งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตอนปลายเดือนพฤศจิกายน รวมถึงช่วงซากุระบานตอนต้นเดือนเมษายนค่ะ ขอบอกก่อนเลยว่าใครจะมาเที่ยววัดนี้ต้องฟิตแข้งขากันสักหน่อยนะคะ เพราะมีพื้นที่กว้างขวางจริงๆ ค่ะ

เกี่ยวกับวัดไดโกจิ (Daigoji Temple)

ประวัติความเป็นมา

วัดไดโกจิ (Daigoji Temple / 醍醐寺) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นวัดพุทธนิกายชินงอน (Shingon) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 874 โดยพระภิกษุนามว่าโชโบ (Shobo) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1994

วัดไดโกจิแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ

  1. Shimo-Daigo (下醍醐) เป็นโซนด้านล่างและเป็นโซนหลักของวัดที่นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม ประกอบด้วยพื้นที่หลักๆ คือ
    • Sanboin (三宝院) ซึ่งมีศาลาที่มีภาพวาดบนประตูและสวนญี่ปุ่นอันสวยงาม
    • Reihokan (霊宝館) ซึ่งเป็นโซนพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาเอกสารและสิ่งของทางประวัติศาสตร์ของวัด
    • Garan (伽藍) ซึ่งเป็นส่วนที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างสำคัญๆ เช่น วิหารหลักของวัด เจดีย์ห้าชั้น เจดีย์กลางน้ำ
  2. Kami-Daigo (上醍醐) เป็นโซนด้านบนซึ่งตั้งอยู่บนเขาและเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของวัด ซึ่งต้องใช้เวลาเดินเขาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงจะถึงด้านบน

ข้อมูลการเยี่ยมชม

Shimo-Daigo (โซนด้านล่างของวัด)

บริเวณ Sanboin, Reihokan และ Garan
ช่วงปกติ
  • เวลาทำการ:
    • มีนาคม – วันอาทิตย์แรกของธันวาคม 9:00 – 17:00 น. (เข้าก่อน 16:30 น.)
    • วันอาทิตย์แรกของธันวาคม – กุมภาพันธ์ 9:00 – 16:30 น. (เข้าก่อน 16:00 น.)
  • ค่าเข้าชม:
    • ผู้ใหญ่ 800 เยน
    • เด็กมัธยม 600 เยน
    • เด็กประถม ฟรี
ช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง
  • เวลาทำการ:
    • ช่วงฤดูใบไม้ผลิ 20 มีนาคม – 15 พฤษภาคม
    • ช่วงฤดูใบไม้ร่วง 15 ตุลาคม – 10 ธันวาคม
  • ค่าเข้าชม:
    • ผู้ใหญ่ 1,500 เยน
    • เด็กมัธยมย 1,000 เยน
    • เด็กประถม ฟรี

Kami-Daigo (โซนด้านบนของวัด)

บริเวณด้านบนเขา
  • เวลาทำการ:
    • มีนาคม – วันอาทิตย์แรกของธันวาคม 9:00 – 16:00 น.
    • วันอาทิตย์แรกของธันวาคม – กุมภาพันธ์ 9:00 – 15:00 น.
  • หมายเหตุ:
    • ต้องลงจากเขาก่อน 17:00 น.
  • ค่าเข้าชม:
    • ผู้ใหญ่ 500 เยน
    • เด็กมัธยม 300 เยน
    • เด็กประถม ฟรี

วิธีการเดินทาง

รถบัส

ป้ายรถบัสใกล้เคียง ได้แก่

  • Daigoji-mae (醍醐寺前)
    • จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟ JR Tokaido-Sanyo Line มาลงที่สถานี Yamashina แล้วต่อรถบัส Keihan Bus สาย 22 หรือ 22A มาลงที่ป้าย Daigoji-mae ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  • Daigoji (醍醐寺)
    • จากสถานี Kyoto ให้เดินมาที่ป้าย Kyoto Eki Hachijo Guchi แล้วนั่งรถบัส Keihan Bus 301 มาลงที่ป้าย Daigoji ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

รถไฟ

สถานีรถไฟใกล้เคียง คือ

  • Daigo (รถไฟใต้ดินสาย Tozai Line)
    • จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟ JR Tokaido-Sanyo Line มาลงที่สถานี Yamashina แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line มาลงที่สถานี Daigo ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
    • จาถสถานี Daigo สามารถเดินมาได้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือต่อรถบัส Daigo Community Bus หมายเลข 4 มาลงที่ป้าย Daigoji ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

รีวิวเที่ยววัดไดโกจิ (Daigoji Temple)

เราเริ่มต้นจากสถานี Kyoto กัน โดยนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Yamashina นะคะ ใช้เวลาเพียง 5 นาที จากนั้นก็ให้เดินออกมาต่อรถบัส Keihan Bus 22A ที่ป้ายหมายเลข 1 มาลงที่ป้าย Daigoji ใช้เวลาอีกประมาณ 20 นาทีค่ะ

ประตู Somon (総門)

จากป้ายรถบัสเดินนิดเดียวก็ถึงประตูทางเข้าด้านหน้าวัดแล้วค่ะ

เมื่อเข้ามาด้านในวัดแล้ว ให้มาซื้อตั๋วเข้าชมวัดที่บริเวณด้านข้างทางเข้า Sanboin (三宝院) ก่อนค่ะ ค่าเข้าชมช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้อยู่ที่ 1,500 เยนสำหรับผู้ใหญ่ ตั๋วนี้จะแบ่งเป็น 3 ตั๋วย่อยสำหรับชม 3 พื้นที่ในวัดบริเวณ Shimo-Daigo (下醍醐) นะคะ

โซน Sanboin

โซนแรกนี้ก็คือ Sanboin (三宝院) จะอยู่ตรงข้างจุดซื้อตั๋วนั่นเองค่ะ

ในบริเวณนี้ถ้ามาตรงกับช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะมีซากุระให้ชมด้วยค่ะ

Sanboin (三宝院)

ตัววัดซัมโบอินดั้งเดิมนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1115 ส่วนที่เห็นในปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1598 โดยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ซึ่งก่อนเข้าไปด้านในก็ต้องถอดรองเท้าก่อนค่ะ

ภาพวาดบนประตู

ทางเดินภายในอาคาร

จากตัวอาคารมีระเบียงที่สามารถชมสวนได้อย่างเต็มที่

สวนนี้ออกแบบโดยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ผู้สร้างวัดซัมโบอินนั่นเอง และยังคงรักษาทิวทัศน์ดั้งเดิมเอาไว้อีกด้วย ให้บรรยากาศญี่ปุ่นมากกก

บริเวณสวนด้านในวัดอีกมุมหนึ่ง

โซน Garan

ถัดมาโซนที่ 2 ก็คือ Garan (伽藍) โซนนี้ก็ต้องเสียค่าเข้าเช่นกันค่ะ โดยอยู่ในเซ็ตตั๋วที่เราได้ซื้อก่อนหน้านั่นเอง (ที่ตรวจตั๋วอยู่ตรงด้านข้างประตู)

Nio-mon Gate (仁王門)

ประตูจะเข้าไปยังโซน Garan นี้ สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1605 โดยโทโยโตมิ ฮิเดโยริ (Toyotomi Hideyori) ผู้เป็นบุตรชาย

บริเวณทางเดินที่ปกคลุมด้วยใบไม้เปลี่ยนสี

Kondo (金堂)

เป็นวิหารกลางของวัดและเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป Yakushi Nyorai (薬師如来坐像) ตัวอาคารเดิมสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 926 แต่ได้ถูกเพลิงเผาไป ส่วนวิหารที่เห็นในปัจจุบันได้ย้ายมาจากที่อื่นและสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1600

Goju-No-To (五重塔)

เจดีย์ห้าชั้นมีความสูง 38 เมตร สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณของจักรพรรดิไดโกะ โดยสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 951 ถือได้ว่าเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดเกียวโตและเป็นจุดไฮไลท์ของวัดไดโกจิอีกแห่งหนึ่งค่ะ ถ้ามาตรงกับช่วงซากุระบาน ก็จะมีความฟรุ้งฟริ้งกว่านี้

Nichigetsu-mon Gate (日月門)

เดินต่อมาอีกก็จะผ่านประตูนี้ค่ะ วิวแถวนี้มีใบไม้แดงให้ชมเยอะขึ้น

Daikodo (観音堂)

ศาลานี้เป็นหนึ่งในอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบหนึ่งพันปีของการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิไดโกะในปี ค.ศ. 1930 สามารถขึ้นไปชมได้จากทางด้านข้างนะคะ

และแล้วก็มาถึงไฮไลท์บริเวณบ่อน้ำของวัดไดโกจิแห่งนี้แล้วค่ะ เป็นจุดที่มีความสวยงามอย่างมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่ไปเป็นตอนปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ปีนี้ใบไม้ค่อนข้างร่วงเร็วไปหน่อย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับทริปปีก่อน

Bentendo (弁天堂)

เจดีย์เล็กๆ ที่อุทิศให้กับเทพ Benzaiten (弁才天) ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภของญี่ปุ่น

วิวบริเวณด้านหน้าเจดีย์ สามารถเดินข้ามสะพานไปชมบริเวณรอบๆ ได้ค่ะ

Ajariryo Juan (阿闍梨寮 寿庵)

ตรงนี้เป็นร้านอาหารที่อยู่ก่อนถึงสะพาน ใครเดินจนเหนื่อยก็มาแวะพักเติมพลังได้ค่ะ

โซน Reihokan

รีวิวโซนที่ 3 ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายของบริเวณ Shimo-Daigo แล้วค่ะ นั่นก็คือ Reihokan ที่จริงโซนนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Sanboin ที่เราชมเป็นโซนแรกเลยค่ะ (แต่เราเก็บไว้ทีหลัง) จากบริเวณบ่อน้ำด้านในโซน Garan ก็ต้องเดินย้อนกลับออกมาทางเดิม ใช้เวลาเดิน (แบบไม่แวะ) ประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ (เอิ๊ก)

เราเลี้ยวเข้าทางฝั่งซ้ายในรูปได้เลยนะคะ ส่วนทางขวามือนั้นเป็นจุดพักและร้านขายของที่ระลึกค่ะ ถนนสายนี้เต็มไปด้วยซากุระทั้งสองฝั่งเลย แต่ช่วงนี้ก็เหลือแต่กิ่งนะคะ

บริเวณหน้าประตูทางเข้า

Reihokan (霊宝館)

พิพิธภัณฑ์ที่เก็บสมบัติล้ำค่าของวัดไดโกจิประมาณหนึ่งแสนชิ้น ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ และทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ตลอดจนสิ่งของอื่นๆ อีกมากมาย ข้างในพิพิธภัณฑ์นั้นห้ามถ่ายรูปค่ะ โดยจะมีการจัดแสดง ภาพเขียน ประติมากรรม งานฝีมือ และเอกสารโบราณ เป็นต้น

ต้นซากุระพันธุ์ย้อยขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ มีอายุกว่า 180 ปีเลยนะคะ กว้างประมาณ 20 เมตรได้

ส่งท้าย

เราใช้เวลาเดินเที่ยววัดไดโกจิ (Daigoji Temple) แห่งนี้ไปประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ถ้ามีโอกาสก็น่ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกรอบนะคะ เพราะซากุระในวัดนี้มีถึง 1,000 ต้นเลยค่ะ หวังว่าเจ้าโควิด-19 จะหมดไปเร็วๆ สักที นั่งรีวิวของเก่าไป ก็อยากกลับไปเที่ยวแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ก็ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้านะคะ สวัสดีค่า

เทียบราคาโรงแรมที่พักในเกียวโต


บทความเที่ยวเกียวโต (Kyoto)

การเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยว
› เกียวโตตะวันออก (Eastern Kyoto)
› เกียวโตตะวันตก (Western Kyoto)
› เกียวโตเหนือ (Northern Kyoto)
› เกียวโตใต้ (Southern Kyoto)
ร้านอาหาร

+ ดูบทความเที่ยวเกียวโตทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com