ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือศาลเจ้าในเมืองเกียวโต ทุกที่ล้วนมีซากุระเป็นของตัวเองทั้งสิ้น วันนี้เราก็เลยอยากจะพาเพื่อนๆ มาเปลี่ยนบรรยากาศชมซากุระที่สวนสาธารณะกันบ้างค่ะ โดยจะไปกันที่สวนสาธารณะมารุยามะ (Maruyama Park) ที่อยู่ในใจกลางเมือง ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากมายค่ะ

สถานที่แห่งนี้เป็นที่เที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิของจังหวัดเกียวโตที่ไม่ควรพลาดเลย และก็ยังได้รับความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่นเป็นอย่างมากด้วยค่ะ เราจะได้ชมทั้งดอกไม้และนั่งพักผ่อนหย่อนใจใต้ต้นซากุระกันที่นี่ แถมยังมีการออกร้านอยากคึกคัก ใครที่ชอบการชมซากุระสไตล์นี้ต้องลองแวะมาชมนะคะ

เกี่ยวกับสวนมารุยามะ (Maruyama Park)

ประวัติความเป็นมา

สวนสาธารณะมารุยามะ (Maruyama Park / 円山公園) เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเกียวโต (Kyoto) ตั้งอยู่ในย่านกิออน (Gion) ปัจจุบันสวนมีอายุมากกว่า 130 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสวนสาธารณะในสมัยเมจิที่ 19 (ปี ค.ศ 1898) แต่ได้รับการยกย่องให้เป็นสวนสาธารณะที่ออกแบบเหมือนกับสวนในวัดสมัยมุโรมาจิ (ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 14) โดยมีเอกลักษณ์เป็นสระน้ำขนาดใหญ่และได้สร้างเกาะน้อยใหญ่รอบๆ ประดับตกแต่งด้วยหินที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้นยังได้สร้างสะพานเชื่อมแต่ละเกาะเข้าด้วยกัน ทำเป็นสถานที่ชมซากุระยอดนิยม และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครของญี่ปุ่นอีกด้วย

สาระและเกร็ดน่ารู้

ภายในสวนสาธารณะมารุยามะ (Maruyama Park) มีซากุระจำนวนมากถึง 300 ต้น และหนึ่งในนั้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ “ซากุระร้องไห้แห่งกิออน (Gion Shidarezakura) โดยชื่อนี้มีที่มาจากความงามของชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) ซึ่งเป็นซากุระพันธุ์ย้อยที่งดงามเหมือนสายฝนที่โปรยปรายลงมา ประกอบกับมีการประดับไฟยามค่ำคืนทำให้ได้ฉายาว่า “ซากุระกลางคืนแห่งกิออน (Gion no Yozakura)” อีกด้วย

ทั้งนี้ซากุระร้องไห้ต้นแรกได้เหี่ยวเฉาไปแล้วในตอนที่ต้นไม้มีอายุ 200 ปี แต่ได้มีการเพาะพันธุ์เพื่อไม่ให้ซากุระร้องไห้นี้หายไป และได้ปลูกทดแทนในบริเวณเดิม โดยปัจจุบันเป็นซากุระร้องไห้รุ่นที่ 2 มีอายุประมาณ 90 ปี สูง 12 เมตร เส้นรอบวงลำต้น 2.8 เมตร และมีกิ่งก้านยาวถึง 10 เมตร

ข้อมูลการเยี่ยมชม

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • เวลาทำการ: เปิด 24 ชั่วโมง (เริ่มประดับไฟช่วงซากุระบานตั้งแต่ 18.00 – 22.00 น.)
  • วันหยุด: สวนเปิดตลอดไม่มีวันหยุด แต่สำนักงานหยุดทุกวันพุธ (หากวันหยุดนขตฤกษ์ตรงกับวันพุธ สวนจะปิดในวันถัดไป)
  • ช่วงซากุระบาน: ปลายมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

พยากรณ์ซากุระบาน

ปีวันที่เริ่มบานวันที่บานเต็มที่
202427 มีนาคม 2024 ~2 เมษายน 2024 ~
ข้อมูลจาก weathernews.jp (อัปเดต 27 มีนาคม 2024)

วิธีการเดินทาง

รถไฟ

สถานีรถไฟใกล้เคียง ได้แก่

  • Gion-Shijo (รถไฟสาย Keihan Main Line) เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
    • Kyoto-Kawaramachi (รถไฟสาย Hankyu Kyoto Line) เดินต่ออีกประมาณ 14 นาที
    • Higashiyama (รถไฟใต้ดินสาย Tozai Line) เดินประมาณ 15 นาที

รถบัส

ป้ายรถบัสใกล้เคียง คือ

  • Gion เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที สายที่ผ่าน ได้แก่ 12, 46, 58, 86, 201, 202, 203, 206, 207
    • จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถบัสหมายเลข 206 มาลงที่ป้าย Gion

รีวิวชมซากุระที่สวนมารุยามะ (Maruyama Park)

เราสามารถเดินทางมาสวนสาธารณะมารุยามะ (Maruyama Park) ได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าจะสะดวกวิธีไหนมากกว่าค่ะ เราสามารถนั่งรถบัสสาย 206 มาลงที่ป้าย Gion ได้ หรือจะนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Higashiyama ก็ได้ค่ะ ส่วนเราเลือกเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินเหมือนเดิมค่ะ

ความน่ารักระหว่างทางที่เดินไปสวน เราเจอร้านขนมญี่ปุ่นเล็กๆ อยู่ร้านหนึ่งมีคนต่อแถว 3-4 คน มีแต่คนญี่ปุ่น ร้านก็เล็กมากๆ แต่ด้วยความที่เราชอบความโบราณก็ต้องแวะสักหน่อย อยากชิมรสชาติแบบโฮมเมดกับเขาบ้างค่ะ ทาสการตลาดที่แท้ทรู 555

หน้าตารายการขนมที่ร้านเขาขายค่ะ เราซื้อโมจิทำมือที่เป็นแป้ง 3 สีมาค่ะ รสชาติเป็นรสออริจินอล ชาเขียวและถั่วแดงค่ะ รสชาติไม่มีอะไรปรุงแต่ง ก็อร่อยในแบบของมัน ถ้าเอาไปย่างร้อนๆ น่าจะฟินมากๆ เลยค่ะ ข้างๆ ผนังก็มีป้ายบอกว่ามีเมนูภาษาอังกฤษด้วย สมกับความเป็นเกียวโตเมืองแห่งการท่องเที่ยวจริงๆ ข้อดีของการซื้อของร้านแบบนี้คือราคาไม่แพงค่ะ อยากให้อุดหนุนของท้องถิ่นกันเยอะๆ นะคะ

วัดชิออนอิน (Chion-in Temple)

เดินอ้อยอิ่งจากสถานีรถไฟ Higashiyama มาเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาทีก็ถึงประตูทางเข้าวัดชิออนอิน (Chion-in Temple) ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ติดกับสวนสาธารณะมารุยามะทางด้านทิศเหนือ หากมาด้วยรถบัส รถไฟสายอื่นๆ หรือเดินมาจากย่านกิออน (Gion) ก็จะผ่านศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ที่อยู่ทางทิศตะวันตกของสวนก่อน

ส่วนทางทิศใต้ก็อยู่ติดกับวัดโคไดจิ (Kodaiji Temple) และย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama) ที่เชื่อมมาจากวัดน้ำใสคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) เรียกได้ว่ามาทีเดียวสามารถเที่ยวสถานที่ดังๆ ของเกียวโตได้เลยค่ะ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ

ภาพนี้เป็นมุมที่เราหันไปถ่ายด้านหลังของประตูใหญ่ของวัดชิออนอินค่ะ อลังการยิ่งใหญ่แค่ไหนให้ดูเทียบกับขนาดตัวคนนะคะ สองข้างทางมีซากุระที่บางต้นยังไม่บานเต็มที่ ด้วยแผนผังของวัด ประตูจะอยู่บริเวณเชิงเขา ส่วนตัววัดจะอยู่บนเนิน เราก็ต้องเดินขึ้นบรรไดไปชมส่วนอื่นๆ ของวัดค่ะ เป็นวัดที่เดินชมแล้วเหนื่อยมากๆ วัดหนึ่งเลย

ค่อยๆ เดินเข้าไปตั้งแต่ประตูที่อยู่ด้านล่างเขา เดินขึ้นไปทีละนิดๆ ผ่านทีละประตู ก็ชมความอลังการของวัดไปตามลำดับค่ะ วัดชิออนอินแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ซึ่งประตูที่เราเห็นนี้เป็นประตูซัมมง (Sanmon Gate) ที่ทำด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นค่ะ

แนะนำให้มาเที่ยวตั้งแต่เช้า ๆ เลยนะคะ หากชอบถ่ายรูปก็แนะนำให้อยู่แถวๆ นี้ในช่วงครึ่งเช้าไปเลยค่ะ คนไม่เยอะ และมีจุดถ่ายรูปหลายมุมมากๆ แต่ต้องเดินเยอะหน่อยค่ะ เพราะวัดใหญ่และกว้างมากค่ะ

เดินไปเรื่อยๆ จนมาทะลุถึงส่วนที่เป็นสวนสาธารณะมารุยามะ ช่วงที่เราไปยังเป็นช่วงต้นเทศกาลชมซากุระ อยู่ในช่วงเริ่มบาน ต้นที่อายุมากหน่อยจะบานเร็ว ส่วนต้นที่อายุน้อยจะบานช้ากว่าค่ะ บางต้นยังเป็นดอกตูมอยู่เลย แต่บรรยากาศโดยรอบของสวนก็ยังคงคึกคักสมกับเป็นช่วงเทศกาลฮานามิ (Hanami) จริงๆ ต้นซากุระส่วนใหญ่จะกระจายตามมุมต่างๆ ของสวน มีทั้งต้นเล็กต้นใหญ่เรียงรายกันไปตามข้างทาง และหลายๆ ต้นก็มีคนมาจับจองนั่งชมดอกไม้แล้วด้วยค่ะ

อย่างที่เกริ่นไปในตอนต้นว่า สวนแห่งนี้ตกแต่งแบบสวนโบราณสมัยมุโรมาจิ โดยมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีเกาะเล็กๆ อยู่รอบๆ มีสะพานเชื่อม และหินที่มีชื่อเสียง ทำให้สวนมีลักษณะที่เข้ากับธรรมชาติ มีมุมเล็กๆ น้อยๆ ให้นั่งชมดอกไม้แบบไม่เบื่อเลยค่ะ 

เดินเข้ามาเรื่อยๆ ที่กลางสวน เราจะเห็นต้นซากุระต้นใหญ่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ที่มีคนรุมถ่ายรูปกันเยอะมากๆ นั่นก็คือ “ซากุระร้องไห้แห่งกิออน (Gion Shidarezakura)” เป็นต้นไม้ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี มีรั้วล้อมรอบและพื้นยกสูง ลำต้นสูงถึง 12 เมตร ทำเอาคนอย่างเราตัวเล็กไปเลย ถือได้ว่าเป็นต้นซากุระสายพันธุ์ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) ที่สวยงามมากต้นหนึ่งเลยค่ะ แนะนำว่าถ้าอ่านประวัติของต้นซากุระนี้มาก่อน ก็จะอินเป็นพิเศษ

จากรูปภาพจะดูต้นไม่ใหญ่มากเพราะมีการตัดส่วนที่ติดกับพื้นดินออกไปแล้ว และมุมภาพเป็นมุมด้านหลังจะเห็นในลักษณะนี้ค่ะ แม้จะเป็นซากุระร้องไห้รุ่นที่ 2 แล้วก็ยังคงได้รับความนิยมในการเยี่ยมชมอยู่ทุกปีค่ะ ซากุระพันธุ์ย้อยนี้ยิ่งอายุเยอะจะยิ่งสวยค่ะ ดังนั้นเราจะได้ชมซากุระที่สวยมากขึ้นทุกปีๆ

ภายในบริเวณสวนมีร้านค้าที่ให้บริการทั้งเครื่องดื่มและอาหาร ซึ่งก็มีหลายประเภทค่ะ ทั้งร้านที่เป็นร้านแบบถาวรซึ่งมีที่นั่งด้านใน แต่โดยส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกับโชห่วยบ้านเรา ขายของง่ายๆ อย่างเครื่องดื่มและของกินเล่น บางร้านยังมีจุดให้เรานั่งใต้ต้นซากุระแบบร้านดานบนนี้ ได้ชมบรรยากาศดีๆ และเอ็นจอยกับเครื่องดื่มที่ชอบ ฟินสุดๆ ค่ะ

นอกจากนี้ก็ยังมีร้านที่จะมาตั้งเฉพาะช่วงเทศกาล คล้ายๆ กับร้านตามงานวัดบ้านเรา แต่เปลี่ยนเป็นร้านตามเทศกาลชมดอกไม้แทนค่ะ ภายในร้านก็จะมีที่ให้นั่งกินเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่รีบกินรีบไปต่อ อย่างร้านด้านบนนี้คนที่ชอบปลาน่าจะชอบเมนูแน่นอน เพราะว่าเป็นปลาย่างเกลือ แบบย่างด้วยถ่านหอมมากๆ นอกจากเมนูนี้แล้วก็มีพวกขนมต่างๆ มาออกร้านขายด้วยเช่นกัน

ใครที่ไม่อยากนั่งร้านทั้งสองแบบข้างต้น ก็สามารถซื้ออาหารตามร้านขายเหมือนแผงลอยใช้ได้เช่นกันค่ะ เพียงแค่ไม่มีที่นั่งให้ในบริเวณร้าน ต้องไปหาที่นั่งเองซึ่งจะมีการจัดโซนไว้ให้ ถ้าช่วงที่ซากุระกำลังบานสะพรั่ง ก็จะได้ฟีลนั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระ นั่งกินนั่งเมาส์ไปด้วย ชิลได้ไม่ต้องรีบลุกเหมือนตอนกินอาหารกลางวันแบบปกติ ถึงแม้ว่าคนเยอะ แต่ก็ไม่รู้สึกแออัด ประมาณว่ากำลังครึกครื้นดีค่ะ ส่วนตัวเราชอบมาก ถ้ามีเวลาก็จะพาเพื่อนๆ มาปิกนิกแบบนี้เหมือนกัน

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)

เดินเล่นไปเรื่อยๆ เราจะพบศาลเจ้าและวัดที่อยู่บริเวณล้อมรอบสวนสาธารณะมารุยามะ อย่างประตูที่เห็นนี้ก็คือศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของสวนค่ะ เราเข้าไปขอพรสักพักก็ออกมา ที่จริงแล้วภายในศาลเจ้านั้นมีอะไรให้ชมเยอะมากๆ ทั้งการขอพรเทพเจ้า และจุดชมซากุระที่อยู่ลึกเข้าไปทางด้านโซนด้านในค่ะ

ส่งท้าย

เฉพาะบริเวณสวนสาธารณะมารุยามะ (Maruyama Park) เราใช้เวลาเที่ยวประมาณ 2 -3 ชั่วโมงค่ะ ทั้งเดินชมภายในและรอบๆ สวน รวมกับนั่งกินของกินเล่นนิดหน่อย ส่วนเพื่อนๆ ที่ตั้งใจเที่ยวศาลเจ้าและวัดที่ล้อมรอบสวนด้วย แนะนำให้ใช้เวลาครึ่งบ่ายไปจนถึงช่วงกลางคืนเลยค่ะ เนื่องจากสวนค่อนข้างกว้าง อีกทั้งวัดและศาลเจ้าแต่ละที่ก็มีบริเวณชมซากุระของตัวเองด้วย

เพื่อนๆ สามารถเดินชมที่เที่ยวในย่านนี้ให้ทั่วบริเวณ แล้วมาปิดท้ายช่วงกลางคืนด้วยสถานที่ที่มีการประดับไฟก็ได้เช่นกันค่ะ เรียกได้ว่าเป็นโซนหนึ่งที่น่าใช้เวลาด้วยมากๆ เพราะไม่ต้องนั่งรถไปที่ไกลๆ แถมมีที่เที่ยวครบ เลิศมากค่ะ

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เที่ยววัดฮมมันจิ (Homman-ji Temple) ชมซากุระยักษ์ยืนหนึ่งของเกียวโต

เทียบราคาโรงแรมที่พักในเกียวโต


บทความเที่ยวเกียวโต (Kyoto)

การเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยว
› เกียวโตกลาง (Central Kyoto)
› เกียวโตตะวันออก (Eastern Kyoto)
› เกียวโตตะวันตก (Western Kyoto)
› เกียวโตเหนือ (Northern Kyoto)
› เกียวโตใต้ (Southern Kyoto)
ร้านอาหาร

+ ดูบทความเที่ยวเกียวโตทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com