วันนี้ราจะพาเพื่อนๆไปชมความโรแมนติกทีเมืองโอตารุ (Otaru) ในเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) กันนะคะ โดยสถานที่ท่องเที่ยวแรกในเมืองนี้ที่จะพาไปก็คือ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) อันโด่งดังนั่นเอง ซึ่งก่อนอื่นเราก็จะมาแนะนำวิธีการเดินทางจากเมืองซัปโปโรมายังเมื่องโอตารุนะคะ

 วิธีการเดินทางจาก Sapporo – Otaru

Sapporo - Otaru

hyperdia.com

  • นั่งรถไฟสาย JR Hakodate Line หรือ JR Semi Rapid Ishikari Liner จากสถานี Sapporo (JR) มาลงที่สถานี Otaru (ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที) ค่าโดยสาร 640 เยน
  • นั่งรถไฟสาย JR Rapid Airport จากสถานี Sapporo (JR) มาลงที่สถานี Otaru (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) ค่าโดยสารแบบไม่จองที่นั่ง 640 เยน, แบบจองที่นั่ง 1,160 เยน

รีวิว Otaru Music Box Museum (Main Hall)

แอดมินเดินทางจากงานเทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) จากในเมืองซัปโปโร (Sapporo) ตั้งแต่ช่วงบ่ายประมาณ 13:00 นาฬิกา ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็ถึงเมืองโอตารุ (Otaru) เพราะอยู่ห่างกันไม่มาก และสัญลักษณ์หนึ่งที่บ่งบอกว่าเราใกล้จะถึงจุดหมายแล้วก็คือหินก้อนโตที่อยู่ตรงในภาพนั่นเองค่ะ เป็นหินที่อยู่ติดทะเลที่สามารถมองเห็นได้จากภายในรถไฟ ยิ่งช่วงหิมะตกหินก้อนนี้จะสวยเป็นพิเศษ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเดินไปชมคลองโอตารุ (Otaru Canal) ก่อนให้ลงที่สถานี Otaru แต่คนที่อยากเดินไปโซนพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี Otaru Music Box Museum และอยากเดินใกล้ๆ ต้องลงที่สถานี Minami-Otaru ซึ่งจะเป็นสถานีที่จะถึงก่อนสถานี Otaru 1 สถานีจะช่วยลดระยะทางการเดินได้มากค่ะ และแน่นอนว่าแอดมินก็ลงที่สถานี Minami-Otaru เช่นกัน

Ginnokane No.4 (銀の鐘四号館) 

เดินจากสถานี Minami-otaru มาเรื่อยๆ ตามแผนที่หรือ GPS [ดูแผนที่] เราก็เจอเข้ากับอาคารสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายที่มีดีไซน์สวยงามแปลกตา ที่ดูยังไงก็เหมือนไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น และอาคารที่เห็นนี้คืออาคาร Ginnokane No.4 (銀の鐘四号館) ซึ่งด้านในมีบาร์น้ำแข็งและเป็นโลกแห่งน้ำแข็ง แต่ปัจจุบันปิดทำการไปแล้ว (น่าเสียดาย) นอกจากอาคารนี้แล้ว อาคารในเครือของ Ginnokane ยังมีอีก 3 อาคาร คืออาคารหมายเลข 1, 2, 3 มีทั้งร้านขายของฝากท้องถิ่น และยังเป็นร้านกาแฟอีกด้วย

สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Ginnokane.co.jp

เดินต่อมาอีกเรื่อยๆ (ไม่เกิน 10 นาที) ก็เริ่มเห็นอาคารทรงยุโรปสูงอยู่ด้านหน้าแล้วค่ะ หากใครเคยเห็นรูปมาก่อนจะร้องอ๋อทันทีแน่นอน เพราะมันคือจุดหมายที่เราจะไปนั้นเอง

เมื่อถึงสี่แยกตรงพิพิธภัณฑ์ Otaru Music Box Museum ก็เจอคนอออยู่หน้าอาคารต่างๆ เต็มไปหมด ที่เห็นว่าได้รับความนิยมอย่างมากคือ Main Hall หรืออาคารหลักซึ่งมีความโดดเด่น และเป็นโซนที่มีของฝากของที่ระลึกวางขายมากมาย (เวลาเปิดทำการ 9:00 – 18:00 น.)

ในส่วนที่นั่งเล่นที่ติดกับอาคาร Main Hall ก็มีร้านกาแฟเล็กๆ ให้นั่งจิบกาแฟร้อนๆ รวมถึงชมบรรยากาศตกแต่งน่ารักๆ ของช่วงคริสต์มาส (ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว…คือ แอดมินไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์แล้วค่ะ) ได้บรรยากาศของหน้าหนาวยิ่งนัก อีกทั้งยังเชื่อมกับประตูด้านข้างของฮอลล์ด้วย ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปเข้าด้านหน้าค่ะ

ส่วนประตูด้านหน้าจะเป็นกระจกทึบมีลวดลายสีดำ อย่างน้อยป้ายหน้าประตูก็มีภาษาอังกฤษกำกับเอาไว้ให้ทำให้เรารู้ว่าเช้าอาคารไม่ผิดนะ เอาล่ะค่ะ เข้าไปกันเลยดีกว่่า ว่าด้านในจะเป็นอย่างไรบ้าง

สิ่งแรกที่เตะตาเรามากคือโคมไฟระย้าด้านบนที่อยู่ใจกลางห้อง ซึ่งแขวนมาจากชั้นบนของตัวอาคารเลย ลักษณะด้านในเป็นแบบฝรั่งที่เปิดเพดานชั้นหนึ่งโล่งและทำชั้น 2 เป็นชั้นลอยรอบๆ แต่ในบริเวณชั้น 2 ภายในตึกไม่สามารถขึ้นไปชมได้นะคะ

นอกจากโคมไฟด้านบนแล้วก็ยังมีโคมไฟย่อยๆ ที่ให้ความสว่างภายในด้วย ซึ่งโคมไฟแต่ละตัวก็สวยๆ ทั้งนั้นหากมีบ้านที่ญี่ปุ่นเป็นของตนเองแอดมินจะซื้อไปประดับบ้านแบบไม่ลังเลเลย คือนอกจากงานกล่องดนตรีแล้ว เมืองโอตารุก็ยังโด่งดังเรื่องงานแก้วด้วยค่ะ

อีกโซนหนึ่งที่ผสมผสานระหว่างงานแก้ว กระจกสี ที่รังสรรค์เป็นโคมไฟสวยๆ แล้วยังมีงานเซเรมิคประกอบเป็นกล่องดนตรีน่ารัก คิดว่าต้องเป็นของขวัญที่เหมาะกับใครหลายๆ คนแน่ๆ อิ อิ

นอกจากงานแก้วและเซรามิคแล้วก็ยังมีงานไม้ด้วย เป็นกล่องดนตรีที่ทำเป็นของจำลองขนาดเล็ก มีหลากหลายดีไซน์ เห็นเล็กๆ แบบนี้ราคายิ่งใหญ่มากนะคะ (ฮา)

สำหรับบรรยากาศภายใน Main Hall นั้น ตัวพื้นส่วนที่เป็นโซนของฝากด้านหน้าทำด้วยไม้อย่างสมัยก่อน จึงให้อารมณ์ที่แตกต่างจากอาคารญี่ปุ่นที่มักเป็นไม้ขนาดใหญ่ของปราสาทต่างๆ และในที่นี้เราสามารถสวมรองเท้าเดินในอาคารพื้นไม้ นับว่าหาได้ยากในประเทศญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมการถอดรองเท้าเมื่ออยู่ในบ้านค่ะ

หากจำลานไม้ที่ติดกับร้านกาแฟเมื่อสักครู่ได้ ดังที่แอดมินได้บอกไปแล้วว่ามีประตูที่เชื่อมกับอาคารของ Main Hall ซึ่งด้านหลังของประตูบานนั้นมีลักษณะเช่นนี้ค่ะ สีสันที่ตกกระทบภายในมาจากบานประตูกระจกสี (แบบในโบสถ์) กระทบกับแสงแดดสว่างที่สาดเข้ามาภายใน ก็จะมีสีสันสวยงามเช่นนี้แหละค่ะ

ในโซนที่ติดกับประตูด้านข้างนี้มีความพิเศษคือมีการจัดแสดงโชว์ผลงานเก่าๆ ที่มีราคาค่อนข้างสูงและหลายๆ ชิ้นห้ามสัมผัส เรียกว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถชมความสวยงามได้ แต่ไม่สามารถซื้อกลับบ้านได้นะคะ แต่บางชิ้นก็ซื้อได้ถ้าเขาขาย อิ อิ

ที่กล่าวไปข้างตนนั้นเป็นเพียงโซนด้านหน้าของอาคาร แต่เมื่อมองลึกเข้าไปด้านในผ่านพีระมิดกล่องดนตรีเล็กๆเหล่านี้ จะเห็นว่ามีส่วนที่ยังสามารถเข้าชมและเลือกซื้อของที่ระลึกได้อีกมากมาย

สิ่งแรกที่เตะตาเราเป็นพิเศษก็คิดสโนว์แมนหมวกสีแดงที่นั่งแอบอิงพี่หมีสีเขียวตัวนี้ค่ะ ทำให้บรรยากาศมีความนุ่มนวลมากขึ้นไปอีก

บรรยากาศก็จะมุ้งมิ๊งประมาณนี้

ด้านหน้ามีแสงสว่างจากโคมไฟระย้าเก่าแก่ และโคมไฟตั้งโต๊ะ ให้อารมณ์แบบโบราณนิดๆ แต่โซนด้านหลังจะเป็นบรรยากาศแบบสมัยใหม่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ให้บรรยากาศสดใส และมีความเป็นวัยรุ่นมากกว่า

ไฟปิงปองหลายร้อยลูกทำหน้าที่ให้แสงสว่าง เมื่อแสงไฟสะท้อนเข้ากับเครื่องแก้ว คริสตัล หรือพลาสติกโปร่งแสงก็จะมีความระยิบระยับ ทำให้สถานที่แห่งนี้น่ามองมากขึ้นไปอีก ที่ด้านในนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ เพราะราคาของฝากจะถูกกว่าด้านหน้าซึ่งเป็นงานที่ละเอียดกว่า โซนด้านหลังจะเน้นเรื่องดีไซน์ความใสและวิบวับ ลักษณะเนื้องานนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีราคาแตกต่างกันด้วยค่ะ

นอกจากของฝากแล้วยังสามารถทดลองเล่นกล่องดนตรี (ในโซนที่เข้ามีตัวอย่างให้ลองเล่น) ว่าเราจะเลือกเพลงไหน มีเพลงไหนถูกใจเป็นพิเศษบ้าง ทำให้การดูของฝากไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ส่วนตัวแอดมินก็ได้ซื้อกล่องดนตรีมาหนึ่งกล่องและหินประดับมาอีกเล็กน้อยเป็นของฝากค่ะ ซึ่งที่นี่เขารับบัตรเครดิตรวมถึงมีบริการห่อของขวัญให้ด้วย เพียงแค่บอกว่าเป็นของขวัญเขาก็จัดให้ค่ะ ใช้เวลาในการห่อไม่ถึง 5 นาทีก็สามารถถือของฝากพร้อมเป็นของขวัญได้เรียบร้อยย

เนื่องจากว่าบทความยาวมากถึงมากที่สุด และแอดมินเองก็อยากให้เพื่อนๆ ได้รับชมรูปภาพอย่างเต็มรูปแบบ จึงขอรีวิวในส่วนของ Otaru Music Box Hall Number 2 Antique Museum ในบทความต่อๆไป สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนเพียงเท่านี้ สวัสดีค่าาา

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] Otaru Music Box Hall Number 2 Antique Museum ให้กล่องดนตรีเล่าเรื่อง

เทียบราคาโรงแรมที่พักในฮอกไกโด


รีวิวเที่ยวช่วงเทศกาลหิมะในฮอกไกโด (Hokkaido)

· แพลนเที่ยวฮอกไกโดหน้าหนาว 5 วัน ช่วงเทศกาลหิมะ
· บินภายในประเทศกับ Vanilla Air (โตเกียว – ซัปโปโร)
· SUSUKINO ICE WORLD งานเทศกาลน้ำแข็งใจกลางเมือง
· Sapporo Snow Festival งานเทศกาลหิมะซัปโปโร
· Otaru Music Box Museum Main Hall พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ
· Otaru Music Box Hall Number 2 Antique Museum
· Otaru Sakaimachi Street & Kita no Ryoba
· Otaru Snow Light Path Festival งานเทศกาลหิมะโอตารุ
· วิธีการเดินทาง Sapporo – Furano – Biei ด้วยรถบัสและรถไฟ
· เที่ยวเมืองบิเอะ (Biei) แช่ออนเซ็นกลางหิมะที่ Shirogane Onsen
· บ่อน้ำสีฟ้า Blue Pond (Aoi-ike) ที่เมืองบิเอะ (Biei)
· เที่ยวเมืองฟุระโนะ (Furano) เล่นสุนัขลากเลื่อนฟาร์ม YUMA
· เที่ยวลานสกี New Furano Prince Hotel & หมู่บ้าน Ningle Terrace
· เที่ยวตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market) ในเมืองซัปโปโร
· ลานเบียร์ Sapporo Beer Garden & พิพิธภัณฑ์ Sapporo Beer Museum
· ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office)
· Seafood Buffet NANDA อิ่มไปกับบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล
· สวนศิลปะซัปโปโร (Sapporo Art Park)

บทความเที่ยวฮอกไกโด (Hokkaido) ดูทั้งหมด »

· คู่มือท่องเที่ยวฮอกไกโด (Hokkaido)
· รีวิวเที่ยวซัปโปโร (Sapporo)
· รีวิวเที่ยวโอตารุ (Otaru)
· รีวิวเที่ยวฮาโกดาเตะ (Hakodate)
· ไปฮอกไกโดพักที่ไหนดี? แนะนำที่เที่ยวและที่พักฮอกไกโดตามฤดูกาล
· เตรียมตัวไปเที่ยวฮอกไกโดในฤดูหนาวแบบติดลบ

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com