วันนี้เรามีรีวิวเที่ยวย่านเมืองเก่าของญี่ปุ่นมาฝากค่ะ กับเมืองคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) ในจังหวัดอาคิตะ (Akita) ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็คือหมู่บ้านซามูไรโบราณค่ะ และที่นี่ก็เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ด้วยนะคะ

เกี่ยวกับเมืองคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate)

เมืองคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate / 角館) ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ (Akita) ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์ซึ่งมีการอนุรักษ์บ้านโบราณอายุกว่า 300 ปีของซามูไรในอดีตเอาไว้และได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘หมู่บ้านซามูไร (Samurai District)’ และเมืองแห่งนี้ยังได้รับฉายาว่าเป็น ‘เกียวโตน้อย (Little Kyoto)’ ของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) อีกด้วยค่ะ

ตามบริเวณริมรั้วสองข้างถนนในย่านหมู่บ้านซามูไรก็ยังมีการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ไว้ รวมถึงต้นซากุระพันธ์ุย้อย (Shidarezakura) ที่จะผลิดอกในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จึงนับเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และถ้าหากมาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะได้เห็นสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงส้มตัดกับบ้านเรือนโบราณซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมากค่ะ

นอกจากนี้ที่บริเวณริมแม่น้ำฮิโนะคิไน (Hinokinai River / 桧木内川) ที่อยู่ใกล้กันกับหมู่บ้านซามูไร ก็ยังมีการปลูกต้นซากุระพันธุ์โซเม โยชิโนะ (Somei Yoshino) ไว้ถึง 400 ต้น โดยเรียงเป็นทางยาวประมาณ 2 กิโลเมตรเลยนะคะ

พยากรณ์ซากุระบาน

บริเวณหมู่บ้านซามูไร (Shidarezakura)

ปีวันที่เริ่มบานวันที่บานเต็มที่
202415 เมษายน 2024 ~20 เมษายน 2024 ~
202310 เมษายน 2023 ~14 เมษายน 2023 ~
202219 เมษายน 2022 ~25 เมษายน 2022 ~
202117 เมษายน 2021 ~22 เมษายน 2021 ~
202013 เมษายน 2020 ~19 เมษายน 2020 ~
201921 เมษายน 2019 ~25 เมษายน 2019 ~

บริเวณริมแม่น้ำฮิโนะคิไน (Somei Yoshino)

ปีวันที่เริ่มบานวันที่บานเต็มที่
202417 เมษายน 2024 ~20 เมษายน 2024 ~
202312 เมษายน 2023 ~16 เมษายน 2023 ~
202221 เมษายน 2022 ~27 เมษายน 2022 ~
202120 เมษายน 2021 ~23 เมษายน 2021 ~
202017 เมษายน 2020 ~22 เมษายน 2020 ~
201924 เมษายน 2019 ~27 เมษายน 2019 ~
ข้อมูลจาก weathernews.jp (อัปเดท 27 มีนาคม 2024)

วิธีการเดินทางมาเมืองคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate)

Tokyo → Kakunodate
Hyperdia.com

Tokyo → Kakunodate

สำหรับคนที่มาจากโตเกียว ก็ให้เริ่มต้นจากสถานี Tokyo หรือ Ueno สามารถนั่งชินคันเซ็น KOMACHI ยาวมาถึงสถานี Kakunodate ได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 180 – 190 นาที (*ขึ้นอยู่กับขบวน)

Morioka → Kakunodate

สำหรับคนที่เริ่มต้นจากตัวเมืองโมริโอกะ ก็สามารถนั่งชินคันเซ็น KOMACHI จากสถานี Morioka มายังสถานี Kakunodate โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที

หมายเหตุ: ใช้ JR Pass (All area), JR East Pass (Tohoku area), JR East-South Hokkaido Rail Pass ได้ตลอดเส้นทาง

รีวิวเที่ยวเมืองคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate)

สำหรับทริปนี้เราจะเริ่มต้นกันที่เมืองโมริโอกะ (Morioka) ซึ่งเป็นเมืองที่พักของเรานะคะ โดยเรามาขึ้นชินคันเซ็น KOMACHI สีแดงนี้ที่สถานี Morioka รอบ 7:58 น. และมาถึงที่สถานี Kakunodate ตอน 8:45 น. ใช้เวลาเพียง 47 นาทีเท่านั้นค่ะ และพาสที่ใช้ในเส้นทางนี้ก็คือ JR East Pass (Tohoku area) ราคา 19,000 เยนค่ะ

ต่อจากนั้นก็ต่อรถไฟธรรมดาสาย JR Ou Line รอบ 8:02 มาลงที่สถานี Hirosaki ตอน 8:39 น. รวมทั้งสิ้นใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาทีค่ะ โดยพาสที่ใช้ในเส้นทางนี้ก็คือ JR East Pass (Tohoku area) ราคา 19,000 เยนค่ะ

หมายเหตุ: JR East Pass (Tohoku area) ได้ปรับขึ้นราคาเป็น 20,000 เยน เมื่อซื้อจากต่างประเทศ (ข้อมูล ณ มีนาคม 2023)

ข้อมูลเพิ่มเติม: JR EAST PASS (Tohoku area) พาสเที่ยวโตเกียว – โทโฮคุ สุดคุ้มใน 5 วัน

Klook.com

สำหรับคนที่ขึ้นชินคันเซ็นมาจากต้นสายอย่างสถานี Tokyo หรือ Ueno ก็อาจจะสงสัยว่าทำไมขบวนชินคันเซ็นเดียวกันถึงมี 2 สี คือ ซึ่งเวลาให้บริการจริง ทั้ง 2 ขบวนนี้ก็จะวิ่งพ่วงมาด้วยกันจนถึงสถานี Morioka เพราะใช้เส้นทางเดียวกัน ก่อนที่จะมาแยกกันไปตามเส้นทางของแต่ละขบวนค่ะ สำหรับขบวนสีแดงก็คือ KOMACHI ที่จะเลี้ยวซ้ายมาทาง Akita ส่วนสีเขียวก็เป็นขบวน HAYABUSA ก็จะวิ่งขึ้นเหนือไปทาง Shin-Aomori นั่นเองค่ะ

ในเส้นทาง Akita Shinkansen นี้ชินคันเซ็นก็จะวิ่งไม่เร็วมากเนื่องจากข้อจำกัดของทางรถไฟค่ะ พอมาถึงสถานี Kakunodate แล้ว เราก็ต้องข้ามสะพานลอยมายังอีกฝั่งของชานชาลาซึ่งเป็นทางออกไปยังหน้าสถานีค่ะ

เมื่อออกไปด้านนอกแล้วก็ให้เดินตรงไปได้เลย ขอบอกว่าอากาศที่เมืองนี้หนาวมากเลยค่ะ ใครจะมาชมซากุระที่นี่ก็เตรียมเสื้อกันหนาวอุ่นๆ มาด้วยนะคะ (ในขณะที่โตเกียวร้อนจนใส่เสื้อแขนสั้นเดินได้แล้ว)

จุดหมายของเราก็คือหมู่บ้านซามูไร ซึ่งระหว่างทางก็มีป้ายบอกทาง ไปไม่ยากค่ะ เดิน 1 กิโลเมตร ประมาณ 15 – 20 นาที ไม่ไกลเท่าไหร่นะ ออกแรงจ้ำแก้หนาวกันค่ะ เอิ๊ก~

เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนถึงแยกนี้ ก็แสดงว่าใกล้ถึงแล้วค่ะ ข้ามทางม้าลายไปแล้วเดินตรงเข้าไปได้เลย

ย่านหมู่บ้านซามูไร (Kakunodate Samurai District)

ถึงแล้วค่า! หมู่บ้านซามูไร คะคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai District / 角館武家屋敷) สมกับเป็นหมู่บ้านโบราณจริงๆ ต้นไม้ที่นี่สูงใหญ่มากค่ะ ช่วงที่มานั้นซากุระยังบานไม่เต็มที่ ก็เลยดูโหรงเหรงไปหน่อย ใครวางแผนมาชมซากุระแถบโทโฮคุ ก็สามารถเก็บที่นี่ไว้ท้ายๆ ทริป ตอนปลายๆ เดือนเมษายนได้เลยค่ะ

บ้านซามูไรที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนั้นมีทั้งหมด 6 หลังค่ะ ซึ่งหลังไหนสามารถเข้าไปชมได้ ก็จะเปิดประตูไว้อย่างนี้เลย บางบ้านก็เข้าชมได้ฟรี บางบ้านก็มีค่าเข้าชมนะคะ

อย่างบ้านหลังนี้ Odano Samurai House (小田野家) เป็นหลังแรกที่เราเจอค่ะ สามารถเข้าไปด้านในได้ค่ะ มีแผนที่ในเมืองวางไว้ให้พร้อมตราประทับไว้ปั๊มสำหรับคนชอบสะสมด้วยนะคะ

เดินไปก็ระวังรถด้วยนะคะ (เดินชิดมากก็ระวังตกคูระบายน้ำนะคะ)

ระหว่างทางก็มีร้านขายของและร้านขายอาหารเป็นระยะ อันนี้ก็คือมิโสะดังโงะค่ะ ตั้งขายอยู่ริมถนนเลย ไม้ละ 250 เยน หนาวๆ อย่างนี้ได้ทานอะไรอุ่นๆ ก็ฟินมากค่ะ

พอมาถึงแยกนี้คนก็จะเริ่มหนาแน่นแล้วค่ะ เราจะเลี้ยวไปทางขวาซึ่งเป็นย่านหมู่บ้านซามูไรกันก่อนนะคะ ส่วนทางตรงนั้นก็จะไปยังริมแม่น้ำ เดี๋ยวเราค่อยย้อนมาอีกทีค่ะ

ถ้าซากุระบานเต็มที่ก็จะสวยมากๆ แน่เลยถ้ามองจากมุมนี้ ซากุระที่นี่ก็จะต่างกับทั่วไปด้วยเพราะเป็นพันธุ์ที่ดอกย้อยลงมาเป็นพวงค่ะ

Nama-Morokoshi (生もろこし) เห็นมีขายหลายร้านเลยค่ะ เป็นขนมทำจากถั่วคล้ายขนมโก๋ รสชาติค่อนข้างหวาน เอาไว้ทานกับชาเขียวขมๆ ค่ะ (ใครอยากลอง ในร้านมีให้ชิมพร้อมชาเขียวด้วยนะ อิอิ)

เดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะเจอต้นซากุระนี้ Kakunodate Shidarezakura (角館のシダレザクラ) จากนั้นเราก็กลับมาที่แยกเดิมค่ะ เพื่อเดินต่อไปยังริมฝั่งแม่น้ำค่ะ

จุดนี้มีร้านค้าหลายร้านและใกล้กับจุดจอดรถทัวร์ คนก็จะเยอะเป็นพิเศษค่ะ

Denshokan Museum (角館樺細工伝承館) อยู่ตรงทางแยกค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และศิลปะหัตถกรรมของเมืองคะคุโนะดาเตะ (มีค่าเข้าชม 300 เยน)

รูปนี้คือแผนที่เมืองคะคุโนะดาเตะค่ะ จุดสีแดงคือตำแหน่งที่เราอยู่ปัจจุบัน เส้นสีชมพูก็คือถนนสายหมู่บ้านซามูไรค่ะ จากนั้นเราก็ข้ามถนนไปยังฝั่งริมน้ำที่มีต้นซากุระเรียงเป็นทางยาวนะคะ

แม่น้ำฮิโนะคิไน (Hinokinai River)

ต้นซากุระในแถบแม่น้ำฮิโนะคิไน (Hinokinai River / 桧木内川) นี้เป็นพันธุ์โซเม โยชิโนะ (Somei Yoshino) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่พบได้บ่อยในญี่ปุ่นค่ะ ซากุระตรงนี้จะบานช้ากว่าพันธุ์ย้อยในบริเวณหมู่บ้านซามูไรนิดหน่อย

เนื่องจากว่ามีฝนโปรยปราย ท้องฟ้าก็เลยขมุกขมัวไปหน่อย

ซากุระริมแม่น้ำฮิโนะคิไน (Hinokinai River)

ตามทางก็มีที่นั่งให้ชมวิว

สามารถเดินชมไปตามอุโมงค์ซากุระหรือจะลงมาด้านล่างตรงริมตลิ่งก็ได้ค่ะ

จุดตรงนี้อยู่ข้างสะพานแดงๆ ส้มๆ ค่ะ ซึ่งใกล้ๆ กันนั้นก็มีระบียงยื่นออกไปให้ชมโค้งแม่น้ำค่ะ

ระเบียงค่อนข้างแคบ (เดินได้ทีละคน) ก็ต้องรอคิวกันนิดหน่อย (แอบสงสัยว่าทำไมไม่ทำให้กว้างกว่านี้หน่อย)

สะพานแดงที่ถ่ายจากระเบียงชมวิวฝั่ง

วิวแม่น้ำฮิโนะคิไนจากอีกฝั่ง

แน่นอนว่าเป็นเทศกาลชมซากุระ ก็ต้องมีซุ้มขายอาหารค่ะ มีให้เลือกหลายร้าน อยู่ใกล้ๆ กับริมแม่น้ำเลย เรามาแวะพักทานข้าวเที่ยงที่นี่ก่อนเดินทางกลับไปยังเมืองโมริโอกะเพื่อเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ในล็อคเกอร์ตรงสถานีแล้วเตรียมตัวเดินทางกลับโตเกียวกันค่ะ

ส่งท้าย

สำหรับคนที่ยังมีเวลาเหลือ ก็สามารถนั่งชินคันเซ็นต่อเพื่อไปเที่ยวในตัวเมืองอาคิตะ (Akita) หรือจะนั่งรถไฟไปแวะชมทะเลสาบทาซาวะโกะ (Tazawako) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ อีกแห่งของจังหวัดอาคิตะก็ได้ค่ะ วันนี้เราก็ขอจบทริปชมซากุระในภูมิภาคโทโฮคุไว้เพียงเท่านี้นะคะ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า ซึ่งจะเป็นที่ไหนนั้นก็รอติดตามกันนะคะ สวัสดีค่ะ

เขียนเมื่อ Apr 19, 2019
อัปเดตล่าสุด Mar 31, 2023

เทียบราคาโรงแรมที่พักในอาคิตะ


บทความเกี่ยวกับซากุระ

ภูมิภาคคันโต (Kanto)
› โตเกียว (Tokyo)
› ไซตามะ (Saitama)
ภูมิภาคคันไซ (Kansai)
› เกียวโต (Kyoto)
ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)
› อิวาเตะ (Iwate)
› อาโอโมริ (Aomori)
› อาคิตะ (Akita)

+ ดูบทความชมซากุระทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com