สวัสดีค่า วันนี้เราจะพาไปพิชิตภารกิจพักผ่อน ณ สถานที่ที่เราชื่นชอบมากกันค่า ซึ่งแอดมินท่านอื่นก็เช่นกัน (ไปกันอยู่นั่นแหละ 555) จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) นั่นเอง! โดยเราจะพาไปแช่ออนเซ็นและกินชาบูชาบูกันที่โรงแรม Sakuraan Kawaguchiko Hotel โดยไม่ต้องค้างคืนกันนะคะ

เนื่องจากเว็บของเรามีบทความอธิบายวิธีการเดินทางมาคาวากุจิโกะจากโตเกียวกันหลายบทความแล้ว เพื่อนๆ สามารถเลือกการเดินทางได้จากลิงค์บทความด้านล่างนี้ค่ะ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราขอเริ่มต้นกันที่สถานี Kawaguchiko นะคะ แรกเริ่มนั้นทริปนี้เรามีมิชชั่นในการกินอุด้งเนื้อม้าและซอฟครีมรสลาเวนเดอร์กันค่ะ จึงพุ่งไปยังโซนของฝากในสถานีกันเลย แต่ว่า…ก่อนจะได้กินก็ถึงเวลาต้องไปทำมิชชั่นหลักเสียก่อนจึงอดไปตามระเบียบบบ

บริเวณหน้าร้านขายอุด้งภายในสถานี Kawaguchiko

ภารกิจหลักของเราในวันนี้ คือ “การแช่ออนเซ็นและชมสวนลาเวนเดอร์” นั่นเอง หุ หุ และอากาศดูเหมือนจะเป็นใจมาก ทั้งที่เริ่มเข้าช่วงหน้าร้อนแล้ว แต่วันนี้ฝกตกตั้งแต่ออกจากโตเกียวเลย เป็นใจสำหรับการแช่ออนเซ็นมากๆ อิ อิ

สรุปทริป 1 วัน ที่ Kawaguchiko

เป้าหมายที่ 1 : แช่ออนเซ็น ณ Sakuraan Kawaguchiko Hotel
เป้าหมายที่ 2 : ชมทุ่งลาเวนเดอร์ ณ สวน Oishi Park

รีวิวแช่ออนเซ็น ณ Sakuraan Kawaguchiko Hotel

การจองคอร์สเพื่อแช่ออนเซ็น

แพลนแบบ 1 วัน ไป-กลับ (เหมาจ่าย) 3,900 เยน/คน ประกอบไปด้วย
*หมายเหตุ: วันหยุดนขัตฤษ์ เสาร์ อาทิตย์ + 300 เยน/คน

  1. แช่ออนเซ็น
  2. คอร์สอาหารกลางวันเซ็ตชาบูชาบู
  3. บริการรับ-ส่งฟรี จากสถานี Kawaguchiko
  4. คอร์สนวดด้วยหินร้อน (มีเฉพาะบางช่วงฤดูกาลเท่านั้น)

แพลนนี้จำเป็นต้องโทรจองล่วงหน้าค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดการจองผ่านเว็บไซต์ได้ที่ sakuraan.net (ภาษาญี่ปุ่น) จะมีแพลนแบบต่างๆ รวมทั้งคอร์สที่รวมทั้งออนเซ็นและที่พักด้วย ในส่วนภาษาอังกฤษนั้นทางเว็บไซต์จะลิงค์ไปยัง Agoda ค่ะ เวลาจองต้องทำการแจ้งเวลาที่จะเข้าไปที่โรงแรมด้วยนะคะ ทางโรงแรมจะได้จัดรถมารับ-ส่งที่สถานีได้ตามเวลานัดค่ะ

หลังจากนี้ก็เพียงรอเวลาพักผ่อนกันล่ะคร่าาาา เรามาถึงที่สถานี Kawaguchiko ประมาณ 9 โมงเช้าค่ะ (ออกจากโตเกียว ประมาณ 7 โมงเช้าโดยประมาณ) เนื่องจากวันที่ไปเที่ยวฝนตกตั้งแต่เช้า จะทำอะไรจะไปไหนก็เชื่องช้าเป็นเต่า และกว่าจะหาที่จอดรถที่โรงแรมจะเข้ามารับ ก็กินเวลาไปพักใหญ่ จนอดทานอุด้งเนื้อม้ากันไปตามระเบียบ ^^

หน้าตารถของทางโรงแรมค่ะ

แนะนำให้ไปรอที่ที่จอดรถโรงแรมก่อนถึงเวลาประมาณ 10 นาทีนะคะ เพราะรถจะมาถึงก่อนเวลานัดประมาณ 5 นาที ส่วนรถนั้นก็หาไม่ยากค่ะ เป็นรถสีขาวมีสัญลักษณ์สีชมพูติดด้านข้างรถทั้ง 2 ด้าน รูปภูเขาไฟฟูจิสีชมพูววว คนขับเขาจะถามชื่อที่เราจองค่ะ ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วก็กระโดดขึ้นรถโลดด

Sakuraan Kawaguchiko Hotel

จากสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาขับรถประมาณ 15 นาทีก็ถึงจุดหมายค่ะ ด้านตึกใหญ่ขวามือนั้นเป็นส่วนของโรงแรมและส่วนหลังเล็กเป็นโซนออนเซ็น ร้านอาหารและส่วนของสปา

เข้าไปด้านในจะเจอพนักงานต้อนรับค่ะ แต่ก่อนที่จะเข้ามาให้ส่วนนี้ด้านหน้าจะมีตู้รองเท้าให้เราเก็บรองเท้าและล๊อคกุญแจให้เรียบร้อยค่ะ ด้านในจะเท้าด้วยเท้าเปล่าไม่มีสลิปเปอร์นะคะ

การเข้าใช้บริการ

พอมาถึงรีเซ็ปชั่นแล้ว จะมีพนักตรวจสอบความถูกต้องการจองของเราค่ะ เราต้องทำการชำระค่าใช้บริการตรงนี้เลยนะคะ ต้องแจ้งเวลาที่จะทานอาหารกลางวันด้วย(เขาจะจองโต๊ะ จัดเซ็ตไว้ให้) จากนั้นก็ฝากกุญแจตู้รองเท้าไว้ที่พนักงานค่ะ และพนักงานจะแจกกระเป๋าผ้าเช็ดตัวและชุดญี่ปุ่นลำลองให้เรา ผ้ามีทั้งหมด 3 ผืน คือผืนใหญ่มาก (เอาไว้ปูนอน สำหรับนวดหรือสปา), ผืนใหญ่ (ใช้เช็ดตัว) ,ผืนเล็ก(เช็ดหน้าและสามารถนำเข้าด้วยในออนเซ็นได้) ซึ่งเมื่อใช้เสร็จแล้วต้องนำมาคืนที่เดิมตอนกลับนะคะ

ออนเซ็นแบ่งเป็นโซนชายและหญิง ผู้หญิงสีแดงนะคะ ผู้ชายสีน้ำเงิน

หลังจากนั้นพนักงานจะแนะนำส่วนต่างๆ ของสปา ซึ่งประกอบไปด้วย

ชั้น 1: เป็นส่วนของออนเซ็น รวมทั้งตู้ล็อคเกอร์เก็บสัมภาระส่วนตัว (กุญแจได้จากรีเซ็ปชั่น)
ชั้น 2: เป็นส่วนของร้านอาหาร โซนนวดด้วยเก้าอี้นวดและนวดน้ำมัน
ชั้น 3: หากจำไม่ผิดจะเป็นโซนของการทำสปาอื่นๆ และการนวดเท้าเป็นต้นค่ะ

ห้องล็อคเกอร์ชั้น 1 ลูกค้าทุกคนที่เข้าใชบริการสปาจะมาเก็บของที่นี่ ไม่ได้จำกัดแค่ผู้ที่ใช้ออนเซ็น แต่เนื่องจากเป็นห้องที่เชื่อมกับออนเซ็น ดังนั้นถ้าเห็นคนแก้ผ้าเดินโทงๆ อย่าแปลกใจนะคะ อย่าเผลอจ้องเขาด้วย ถึงตกใจก็ทำเนียนๆไป เดี๋ยวก็ชิน (แอดมินก็ทำแบบนั้น หุ หุ) และอีกอย่างหนึ่งคือ ห้ามถ่ายรูปนะคะ

หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่ห้องล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากันค่ะ ด้านในจะเหมือนห้องแต่งตัวขนาใหญ่ มีล็อคเกอร์เก็บเสื้อผ้า มีโซนเสริมสวย หวี ไดร์เป่าผม แม้แต่ครีมทาหน้า บำรุงผิว ตู้กดน้ำ มีครบค่ะ สำหรับสาวๆ ไม่ต้องพกอะไรไปเลยยังได้ สบายมากๆ หลังจากเราเปลื้องผ้าแล้วก็พกผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ เข้าห้องออนเซ็นกันค่ะ

การแช่ออนเซ็น

หลายคนอาจจะได้ยินกันมาบ้างเกี่ยวกับการแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่น คือ ค้องอาบน้ำให้สะอาดเรียบร้อยก่อน ที่อาบน้ำจะเป็นที่อาบน้ำรวมค่ะ ความอายเราสิ้นสุดก็ตรงนี้แหละ ฮ่าๆ เป็นฝักบัวเรียงกันยาวๆ ตรงหน้ามีพวกสบู่ แชมพูและครีมนวดผมพร้อม มีขันไว้ตักราดด้วย แต่เป็นแบบนั่งอาบ ถ้าอายอย่าส่อพิรุจค่ะ ฮ่าๆ ก้มหน้าก้มตาอาบไปไม่มีใครสนใจเราหรอก ใครนึกภาพไม่ออกก็จะคล้ายๆ ประมาณนี้ค่ะ (ข้างในถ่ายรูปไม่ได้นะคะ)

Photo by : mcha.s3.amazonaws.com

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็ไปแช่ในบ่อออนเซ็นได้เลยค่า ที่นี่มีออนเซ็นหลายแบบ รวมทั้งห้องซาวน่าด้วย เลือกแช่ได้ตามความต้องการ ออนเซ็นด้านในจะมี 2 บ่อ คือซากุระจากุสซี่ และบ่อกำมะถันภูเขาไฟค่ะ

Photo by : sakuraan.net/spa/

บ่อสีฟ้าในรูปปัจจุบันเป็นบ่อจากุสซี่ซากุระสีชมพูนะคะ ด้านในคือบ่อกำมะถันค่ะ ในส่วนของบ่อกลางแจ้งหรือบ่อนอกอาคารนั้นแบ่งเป็นหลายประเภทค่ะ มีบ่อชาเขียว (เราชอบมาก กลิ่นบำบัดก็ดีเยี่ยม) ยิ่งอากาศเย็น การแช่ออนเซ็นกลางแจ้งจะยิ่งสดชื่นค่ะ และจะมีบ่อเดี่ยวเป็นบ่อไม้ บ่อเดี่ยวเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมดาค่ะ แต่ชอบเพราะว่าเหมือนได้แช่ในถังชอบค่ะ

Photo by : sakuraan.net/spa/

บ่อยาวในรูปตอนนี้เป็นบ่อชาเขียวค่า น้ำจะสีเขียวหยก แช่แล้วชอบและรู้สึกสดชื่นกว่าบ่อไหนๆ ด้านในสุดจะเป็นที่นั่งพักที่ยกสูงขึ้นค่ะ มีที่ให้นอนเอนหลังด้วยนะคะ หรือมานั่งคุยกันก็ได้ เหมือนโซนพักผ่อนทั่วไป แค่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า อิ อิ

Photo by : sakuraan.net/spa/

นี่คือบ่อน้ำอุ่นที่เราพูดถึงค่ะ เล็กๆ กระทัดรัด น่ารักไปอีกแบบ

Photo by : sakuraan.net/spa/

ด้านนอกยังไม่หมดแค่นี้ เราขอแนะนำ ห้องซาวน่า + ออนเซ็นเท้า คือด้านในตั้งอุณหภูมิเอาไว้เหมือนซาวน่า แต่พื้นจะเป็นออนเซ็นสำหรับเท้า ส่วนเพื่อนแอดมินนั้นไปแช่ได้ 5 นาทีก็วิ่งปรู๊ดดแล้วค่ะ เราจึง้องวิ่งตามนางออกไปตามระเบียบ XD

Photo by: sakuraan.net/stonespa/

ห้องนี้เราไม่ได้เขาไป แต่ว่าเป็นซาวน่าอีกแบบหนึ่ง ข้างในเป็นหินอ่อนและเป็นห้องคล้ายกระจก สวย เริ่ดมาก และความร้อนก็คงเลิศไม่แพ้กัน คริ คริ

หลังจากที่เที่ยวเล่นแช่อยู่นาน (อยู่ข้างในประมาณ 1 ชม.ครึ่ง) เราก็ออกจากออนเซ็นและเปลี่ยนชุดเพื่อไปทานอาหารที่จองไว้กันค่า

ในส่วนของภัตตาคารนั้นจะอยู่ชั้นสองค่ะ เราก็ขึ้นไปด้านบนบอกว่าจองคอร์สชาบู ชาบูเอาไว้ แจ้งชื่อและให้บัตรเขาไป (รีเซ็ปชั่นจะแจกมาให้ตั้งแต่ที่ฟรอนท์) จากนั้นเขาก็จะพาเราไปนั่งที่ที่เขาเตรียมไว้ให้ค่ะ

ก่อนอื่นเขาจะให้เราเลือกประเภทน้ำซุปก่อน มีประมาณ 7-8 ชนิด เราเลือกได้ 2 ชนิด ครั้งนี้เขาแนะนำน้ำซุปข้นมาให้ค่ะ เราก็เลือกตามที่เขาแนะนำ อีกชนิดหนึ่งก็เลือดชนิดที่ว่าน่าจะเผ็ดอยู่บ้าง เอาไว้แก้เลี่ยน

ต่อด้วยเลือกสลัดค่ะ แต่ละคนสามารถเลือกสลัดคนละแบบก็ได้ แต่เรากับเพื่อนเลือกเหมือนกันเขาจึงใส่แบบชามใหญ่มาให้ค่ะ สลัดที่เราเลือกคือ “สลัดหมูราดซอสน้ำขิง โรยด้วยโกโบชิพ”

เลือกของทานเล่นอีกอย่างเป็นเกี๊ยวซ่าทอดค่าาา ของโปรดของเราเลย เวลามาเสิร์ฟ กะทะยังร้อนฉ่าอยู่เลย กรอบนอกนุ่มในสุดๆ

สุดท้ายคือน้ำผลไม้ปั่นค่ะ เป็นผลไม้สดๆ ปั่นคล้ายสมูทตี้ แต่แก้วสีแดงเป็นแบบคั้น “น้ำอะไซ” เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นมีรสหวานอมเปรี้ยวคล้ายบลูเบอร์รี่และองุ่นค่ะ

ส่วนแก้วนี้ออกแนวไปทางสมูทตี้มากกว่า ผสมกันหลายอย่าง โดยหลักๆ ก็มี กีวี่และสับปะรด ชื่อของแก้วนี้คือ “ฟรุ๊ทบิจิน” แปลว่าผลไม้เพื่อความสวยอะไรเทือกนั้น ส่วนตัวเราชอบกีวี่อยู่แล้วก็ยิ่งชอบค่ะแก้วนี้ แต่ยังแพ้น้ำอะไซด้านบน ^^

เพื่อนๆ ที่อยากเห็นภาพบรรยากาศ เราได้ทำเป็นคลิปวิดีโอไว้ให้ชมกันด้วยนะคะ (เน้นไปทางกินซะเยอะ อิ อิ)

ส่งท้าย

เป็นยังไงกันบ้างคะ นี่เพียงแค่ภารกิจแรกก็จัดเต็มกันขนาดนี้แล้ว เห็นแล้วเพื่อนๆอยากไปกันขึ้นมาบ้างรึเปล่า ถ้ามีโอกาสลองไปใช้บริการดูนะคะ อย่าได้เขินอาย ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องลอง ความสุขนั้นมีอยู่จริง แค่สลัดผ้าและความอายย อร๊ายยย คราวหน้าเรามาต่อกันที่เป้าหมายที่ 2 : ชมทุ่งลาเวนเดอร์ ณ สวน Oishi Park นะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่า

อ่านตอนจบ » [รีวิว] ทุ่งลาเวนเดอร์ในฝัน ณ Oishi park ที่ Kawaguchiko

เทียบราคาโรงแรมที่พักในคาวากุจิโกะ


บทความเที่ยวคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)

› การเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยว
› บริเวณรอบทะเลสาบ
› บริเวณใกล้เคียง
ร้านค้าและร้านอาหาร
โรงแรมที่พัก

+ ดูบทความเที่ยวคาวากุจิโกะทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com