วันนี้เรามีรีวิวทริปท่องเที่ยวสวนสนุก Universal Studios Japan (ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน) ที่ญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า USJ มาฝากสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวจำกัด แต่ไม่อยากพลาดสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมเด็ดๆ ในโอซาก้า (Osaka) ค่ะ

โดยทั่วไปแล้วเรามักจะแบ่งเวลาสำหรับการเที่ยวแต่ละเมืองเอาไว้ประมาณ 1 – 2 วัน นานที่สุดคือ 3 วันต่อเมือง ทว่าเมืองใหญ่อย่างโอซาก้าที่มีทั้งแหล่งช็อปปิ้ง อาหารก็อร่อย และมีกิจกรรมให้เล่นกันมากมายเหลือเกิน จนหลายคนพลาดของดีของเมืองนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

โดยวันนี้แอดมินขอแนะนำการท่องเที่ยวโอซาก้าแบบ 1 วัน สุดคุ้ม ได้ทานของอร่อยที่ร้านอาหารชื่อดัง ได้เล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกยูนิเวอร์แซลของญี่ปุ่น ได้ชมวิวพร้อมชมงานแสดงไฟ และได้ทำกิจกรรมที่มีเพียงหนึ่งเดียวในเมืองนี้อีกด้วยค่ะ ก่อนอื่นก็ขอแนะนำโปรแกรมเที่ยวแบบคร่าวๆ กันสักหน่อยนะคะ

โปรแกรมท่องเที่ยว Universal Studios Japan (USJ) และโอซาก้า 1 วัน

07:00

09:00
Osaka Fish Market
ทานมื้อเช้าแล้วเดินย่อยอาหารในตลาดปลาโอซาก้า
09:30

17:00
 Universal Studios Japan (USJ)
เที่ยวสวนสนุก Universal Studios Japan โดยใช้ Express Pass ช่วยประหยัดเวลาในการรอคิวเครื่องเล่นได้เยอะมาก คนที่มีเวลาน้อยแนะนำให้ซื้อพาสเพิ่ม
18:00

18:30
ABENO HARUKAS – EDGE THE HARUKAS
ชมวิวจากยอดตึก ABENO HARUKAS ที่ชั้น 60 ปีนขึ้นไปบนแท่นชมวิวถ่ายรูปเก๋ๆ กับกิจกรรม EDGE THE HARUKAS (หรือจะเลือกกิจกรรมชมวิวเมืองโอซาก้าจากลานเฮลิคอปเตอร์ของตึกกับกิจกรรม HARUKAS 300 Heliport Tour)
18:30

19:00
ABENO HARUKAS – FIREWORKS BY NAKED
ชมวิวจากยอดตึก ABENO HARUKAS ที่ชั้น 60 ปีนขึ้นไปบนแท่นชมวิวถ่ายรูปเก๋ๆ กับกิจกรรม EDGE THE HARUKAS (หรือจะเลือกกิจกรรมชมวิวเมืองโอซาก้าจากลานเฮลิคอปเตอร์ของตึกกับกิจกรรม HARUKAS 300 Heliport Tour)
19:00

20:00
ABENO HARUKAS – HARUKAS 300
ทานอาหารเย็นที่ร้านโอเด้ง นั่งโต๊ะโคทัตสึ (Kotatsu Table) หรือโต๊ะทำความร้อนแบบญี่ปุ่นที่ HARUKAS 300 พร้อมชมวิวโอซาก้ายามค่ำคืน
หมายเหตุ: สำหรับคนที่อยากชมไฟและขบวนพาเรดที่ Universal Studios Japan (USJ) สามารถอยู่ที่สวนสนุกได้จนถึงเวลาปิด

กิจกรรมทั้งหมดนี่เราสามารถทำได้ภายในวันเดียวได้แน่นอนค่ะ เพราะแอดมินลองมาแล้ว ในช่วงเช้าเราก็ตื่นเร็วสักหน่อย แล้วเดินทางไปยังตลาดปลาโอซก้า (Osaka Fish Market) กันค่ะ ซึ่งแอดมินเคยรีวิวการเดินทางและร้านเด็ดที่ตลาดปลาเอาไว้แล้ว สามารถดูได้ที่บทความ » [รีวิว] Endo Sushi ร้านซูชิที่อร่อยไม่รู้ลืมจากตลาดปลาโอซาก้า

ช่วงสายๆ ก็เดินทางจากตลาดปลามายัง Universal Studios Japan (USJ) โดยเดินจากตลาดปลาประมาณ 15 นาที มาขึ้นรถไฟที่สถานี NODA(JR) นั่งสาย JR Osaka Loop Line มาลงสถานี NISHIKUJO และเปลี่ยนรถไฟเป็นสาย JR Yumesaki Line มาลงสถานี UNIVERSALCITY หรือสามารถดูรายละเอียดการเดินทางได้ที่เว็บไซต์ Hyperdia.com


การเดินทางจาก Osaka Fish Market → Universal Studios Japan

การซื้อบัตร Universal Studios Japan (USJ)

ตั๋วเข้าสวนสนุกและเล่นเครื่องเล่นนั้นจะเรียกว่า Studio Pass สามารถซื้อตั๋วได้ที่หน้าสวนสนุก หรือซื้อล่วงหน้าได้ทางออนไลน์ โดยมีให้เลือกดังนี้

  • 1 DAY Studio Pass (ใช้ได้ 1 วัน)
  • 1.5 DAY Studio Pass (ใช้เข้าวันแรกได้ตั้งแต่ 15:00 น.)
  • 2 DAY Studio Pass (ใช้ได้ 2 วันติดกัน)

ราคาตั๋วแบบ 1 วันในแต่ละวันจะไม่เท่ากัน โดยแบ่งย่อยได้เป็น 4 ประเภท (A, B, C, D) เริ่มตั้งแต่ 8,400 – 9,800 เยน ซึ่งจะทางสวนสนุกจะอัพเดทล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน สำหรับรายละเอียดตั๋วต่างๆ พร้อมราคา สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่บทความ » ซื้อตั๋ว Universal Studios Japan ออนไลน์ หรือเช็คราคาและจองตั๋วทางออนไลน์ได้โดยตรงจาก Klook.com ซึ่งเป็น Official Partner ขายตั๋วสำหรับ Universal Studios Japan (USJ) ค่ะ

Klook.com

ตัวอย่าง Express Pass 4 ~Minions Ride~
(บัตรจริง)

นอกจากนี้ก็ยังมีบัตร Universal Express Pass ที่จะช่วยลดเวลาในการต่อแถวเพื่อเล่นเครื่องเล่นยอดฮิตภายในสวนสนุก ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องซื้อ Studio Pass สำหรับเข้าสวนสนุกก่อนนะคะ โดยเราสามารถแยกประเภทของพาสออกเป็นหลักๆ ได้ตามจำนวนเครื่องเล่นที่สามารถใช้ได้ดังนี้ค่ะ

  • Universal Express Pass 7
  • Universal Express Pass 4

เราจะใช้พาสนี้เข้าช่องพิเศษเพื่อไปเล่นเครื่องเล่นที่กำหนดค่ะ ในแต่ละประเภทก็มีเครื่องเล่นหลักที่แตกต่างกันออกไปตามที่ระบุในแต่ละพาส โดยเราสามารถเลือกเครื่องเล่นตอนซื้อพาสได้ ซึ่งจะมีชื่อเรียกแบ่งย่อยไปอีก สำหรับราคานั้นก็เริ่มตั้งแต่ประมาณ 4,000 เยนไปจนถึง 20,000 เยนเลยค่ะ (แพงกว่าตั๋วเข้าอีก!) โดยขึ้นอยู่กับชนิดของพาสและวันที่ใช้พาสอีกด้วยค่ะ สามารถดูรีวิวแต่ละเครื่องเล่นได้ที่บทความ » 10 เครื่องเล่นใน Universal Studios Japan ที่สามารถใช้ Express Pass

ในส่วนของรายละเอียดประเภทของพาส ราคา และการจอง นั้นสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ » Express Pass หรือจองตั๋วทางออนไลน์ได้โดยตรงจาก Klook.com เช่นกันค่ะ

Klook.com

รีวิวเที่ยว Universal Studios Japan (USJ) พร้อม Express Pass

แอดมินได้ตั๋วเข้าสวนสนุกยูนิเวอร์แซลมาทางอีเมลแล้วก็สามารถใช้แสกน QR Code ผ่านหน้าจอโทรศัพท์ หรือจะปริ้นใส่กระดาษมาก็ได้ค่ะ ตรงบริเวณทางเข้ามีแผนที่ภายในสวนสนุกให้หยิบไปดูได้ หรือจะเข้าไปดาวน์โหลดแผนที่จากในเว็บไซต์ก็ได้เช่นกันค่ะ

แอดมินมาถึงสวนสนุก ประมาณ 10:00 น. เรียกว่ามาสายเลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะวันนี้เรามาอาวุธลับ นั่นก็คือ Express Pass หรือ “บัตรเบ่ง” นั่นเอง ซึ่งพาสเหล่านี้เป็นตัวช่วยอย่างดีที่จะประหยัดเวลาได้ถึง 60 – 80% จากเวลารอแถวปกติเลยค่ะ (บางช่วงอาจร่นได้ 100% เลย เพราะเข้าไปแล้วสามารถขึ้นเครื่องเล่นได้เลย) โดยแอดมินทดลองมาแล้วทั้ง 2 แบบ แบบปกติและแบบใช้ Express Pass

สำหรับพาสของแอดมินที่ใช้ในรีวิวนั้นเป็น Express Pass 4 ~Minions Ride~ ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องเล่นดังนี้

1. Harry Potter and the Forbidden Journey in 4K3D
2. Despicable Me: Minion Mayhem (Minions Hacha-Mecha Ride)
3. เลือกระหว่าง The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D หรือ Hollywood Dream – The Ride
4. เลือกระหว่าง JAWS หรือ Terminator 2:3-D หรือ Backdraft

โดยในพาสระบุไว้ว่าสามารถเข้าโซน The Wizarding World of Harry Potter ได้ตั้งแต่เวลา 10:10 น. เนื่องจากว่าแอดมินมาถึงช่วงสายๆ แล้ว เราก็เดินไปที่โซน Harry Potter ก่อนเลย อย่าพึ่งแตกตื่นกับกิเลสด้านหน้านะ เข้าไปเล่นก่อนแล้วตอนเดินออกมาจะชิลมากค่ะ

Harry Potter and the Forbidden Journey

เดินมุ่งหน้ามาถึงหน้าปราสาท Hogwarts ตรงนี้เลย เพื่อมาเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey in 4K3D ที่ในพาสระบุช่วงเวลาไว้ตั้งแต่ 10:30 – 11:00 น.

บริเวณหน้าปราสาทเป็นอะไรที่สับสนนิดนึง แถวซ้ายมือคือแถวรอแบบปกตินะคะ ที่คนเข้าแถวเยอะๆ ส่วนแถวด้านขวามือเป็นแถวของ Express Pass เดินเข้าไปสัก 10 เมตรจะมีคนตรวจตั๋ว ถ้าเข้าแถวผิด ต้องไปต่ออีกแถวหนึ่งกลายเป็นว่าแถวยาวขึ้นไปอีกค่ะ

คนตรวจเขาจะถามว่า “มี Express Pass ใช่มั้ยครับ?” ถ้ามีเขาก็จะเชิญเราเข้าไปแบบนุ่มๆ (หนุ่มฮอกวอตส์นี่งานดีจริงๆ หุ หุ) สำหรับคนที่เข้าแถวผิด คุณไม่ได้ไปต่อ ก็ต้องเดินย้อนกลับไปต่ออีกแถวค่ะ

ใช้เวลาในการเดินไม่เกิน 10 นาทีก็เข้ามาถึงด้านใน ก่อนเข้ามาถึงโซนล็อคเกอร์พนักงานจะแจกแผ่น Information เพื่อแยกผู้ที่ขึ้นเครื่องเล่นแล้วและยังไม่ได้ขึ้นเครื่องเล่นค่ะ ได้รับมาแล้วก็นำของไปไว้ในล็อคเกอร์ ล็อคกุญแจแล้วเอากุญแจคล้องกับแขนไว้นะคะ และถือแผ่น Information ที่เขาแจกเมื่อสักครู่มาด้วย แล้วก็เดินไปที่ขึ้นเครื่องเล่น Forbidden Journey กันโลด~

ระหว่างทางมีเดินเล่นผ่านห้องดับเบิ้ลดอร์ และห้องต่างๆ ในปราสาทเล็กน้อย ก่อนจะไปถึงห้องโถงของปราสาทที่เป็นเครื่องเล่นค่ะ ใช้เวลาตรงนี้ในการรอนิดหน่อยประมาณ 10 นาที จากนั้นเราก็ได้เล่นเลย แบบไม่รู้สึกว่านานแต่อย่างใดค่ะ

พอเล่นเสร็จก็โผล่ออกมาที่ห้องขายของฝากค่ะ มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฮร์รี่ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง สำหรับคนที่อยากได้รูปเป็นที่ระลึก ทางสวนสนุกเขาก็ถ่ายภาพเอาไว้ด้วยนะคะ สามารถติดต่อซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ค่ะ

Flight of the Hippogriff

ออกมาแล้วก็ไปเยี่ยมบ้านแฮกริดแล้วเล่นเครื่องเล่นน่ารักๆ กับ Flight of the Hippogriff ใช้เวลาเล่นไม่เกิน 5 นาทีค่ะ คนไม่เยอะ เราก็เดินเข้าไปได้แบบสบายๆ เช่นกัน

เนื่องจากว่าเล่นเสร็จเร็วมาก ยังมีเวลาเหลือก่อนกำหนดเล่นเครื่องเล่น Minion ของ Express Pass ซึ่งอยู่ในช่วงบ่าย เราก็ไปเดินเล่นในส่วนอื่นๆ ของโซน Harry Potter ที่เราข้ามมาก่อนหน้านี้ค่ะ อาทิ ร้านไม้กายสิทธิ์ Ollivanders มาครั้งที่แล้วมาแบบไม่ได้ใช้พาส กว่าจะได้เล่นเครื่องเล่น Forbidden Journey ก็กินเวลาไปกว่า 2 ชั่วโมง จึงไม่ได้ชมห้องเลือกไม้กายสิทธิ์ของ Ollivanders เลยค่ะ

คราวนี้พอเล่นเสร็จ ในขณะที่ทุกคนรอเครื่องเล่นแถวยาวเป็นหางว่าว ที่ห้องของ Ollivanders จึงใช้เวลาในการรอเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งเราก็แฮปปี้มากที่ได้ลองเลือกไม้กายสิทธิ์ของตัวเองค่ะ

แวะชมโชว์ของนักเรียนจาก Hogwarts ที่จะจัดเป็นช่วงเวลาค่ะ น่ารักๆ ทั้งนั้นเลย เหมือนละครเวทีขนาดย่อมค่ะ นั่งดูไปจิบเบียร์อุ่นๆ ไปฟินเหลือเกิน~

Three Broomsticks

แวะทานข้าวกันสักนิดที่ร้านไม้กวาด 3 อัน Three Broomsticks ที่ให้ความรู้สึกเป็นอะไรที่คล้ายในเรื่องแฮร์รี่

ไก่ครึ่งตัวและข้าวโพดฝักเป้งๆ ซึ่งแทบกระชากเงินไปเกือบหมดตัว ตอนแรกจะสั่งชุดสเต็กเนื้อก็เกรงใจเงินในกระเป๋า เอาเป็นแค่ไก่ก็พอค่ะ ฮ่าๆ คือร้านนี้แม้แต่น้ำยังนำเข้าจากอเมริกา จนเลิกสงสัยแล้วว่าทำไมมันแพง

เดินเล่นในโซนหมู่บ้าน Hogsmeade นี้อีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็ออกไปเดินเล่นโซน Universal Wonderland ที่อยู่ข้างเคียงค่ะ ใช้เวลาในโซนนี้ประมาณ 2 ชั่วโมง รวมเดินเล่น เล่นเครื่องเล่น ชมโชว์ และทานอาหาร (ปกติ 2 ชั่วโมงคือรอเครื่องเล่นอย่างเดียว ถ้าไม่ได้ใช้พาส)

The Flying Snoopy

เดินเล่นชิลๆ เวลาก็ยังเหลือเฟือ ก็ไปแวะโซนเด็ก Universal Wonderland กันหน่อยค่ะ ผู้ใหญ่โตๆ อาจจะคิดว่าโซนนี้ไม่สนุก เอาจริงๆ มันสนุกนะคะ เพลินมากกก แวะไปนั่งเครื่องบินสนู้ปปี้ The Flying Snoopy คือเขาทำน่ารักมาก เครื่องเล่นรอบละไม่เกิน 2 นาที แต่เขาทำบรรยากาศให้มันสนุกและน่าเล่นค่ะ ยืนเข้าแถวรอประมาณ 10 – 15 นาที เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแนวเด็กๆ คิวจึงไม่ยาวมาก

ซื้อของที่ร้านคิตตี้ (ซื้อฝากคนอื่นนะ อิ อิ) มีซาลาเปา ชูโรส คิตตี้ เต็มไปหมดเลย เป็นอะไรที่คงไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ มาเที่ยวสถานที่แบบนี้ ความสนุกคือมาเสียเงินค่ะ ฮ่าๆ มีอะไรแปลกๆ แอดมินลองหมดด ชูโรส 550 เยน รสชาติก็หวานตามแบบที่เด็กๆ ชอบค่ะ

เท่านั้นยังไม่พอค่ะ มีเหล่าตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ออกมาเต้น แจกความสดใสให้อุทานคำว่าน่าร๊ากกก~ ไม่รู้ตั้งกี่รอบ คือเขาเต้นเก่งมาก เอนเตอร์เทนเก่งมากด้วย ดูถูกไม่ได้เลยโซนเด็กเนี่ย เพลินนักล่ะ…เสียเงินเพลินมาก 555

สำหรับคนที่เป็นแฟนคิตตี้ต้องไม่พลาด มีทั้งร้านของฝาก มีทั้งคอเล็คชั่นภาพถ่าย และอื่นๆ อีกมากมาย พนักงานพอเห็นว่าเราถือขนมคิตตี้ ซื้อของคิตตี้เขาก็บอกว่าน่ารักมากๆ เลยค่ะ

เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว เราก็ไปหาคนเหล็กที่โซน New York กันค่ะ เพราะอยู่ใกล้สุดแล้วในบรรดาเครื่องเล่นที่เรามี Express Pass แต่กว่าจะถึงก็ต้องเดินผ่านหลายโซน แต่ชอบอันนี้มากมีโชว์กลางแจ้ง Power of Pop -Remix- ของโซน Hollywood ด้วย คือเพลงเพราะ เต้นไปด้วย สนุกสนาน

เดินไปอีกนิดก็มีเล่นปาตุ๊กตา ยิงปืน ซื้อป๊อปคอน โอ้ย! สารพัดชวนให้เสียเงิน (เดินไปไม่ถึงซะที ฮ่าๆ) ใช้เวลาไปพักใหญ่เลยกว่าจะถึง กระเป๋าเบาไปเลย 555

Terminator 2:3-D

มาถึงตรงเครื่องเล่น Terminator 2:3-D ก็เดินไปเข้าแถว Express Pass เมินป้ายเวลารอคิวของแถวปกติไปเล้ย! ด้านในก็จะมีการแสกนบาร์โค้ดก่อนเข้าด้วยค่ะ บอกเลยว่าคนที่ใช้ E-ticket สแกนบาร์โค้ดจากมือถือ แบตจะหมดไม่ได้นะ

ใช้เวลาอยู่กับตรงนี้ไม่เกิน 20 นาที ผ่านไปแบบงงๆ คือเร็วเว่อร์! เป็นการแสดงโดยใช้คนจริงสลับการฉายภาพส่วนหนึ่งจากเรื่อง Terminator 2 มีเอฟเฟ็ค 3D พุ่ง ยิงกันสนั่น ถึงจะไม่อลังการแบบแฮร์รี่ แต่ว่าการได้เห็นคนเหล็กแบบใกล้ๆ ก็เป็นอะไรที่ตื่นเต้นดีนะคะ แอดนี่ตามมาตั้งแต่ภาคแรก (บอกอายุหมดเลย โหะๆ)

เนื่องจากว่ายังมีเหลือเฟือ เราจึงเดินถ่ายรูปเล่นในโซน New York ต่ออีกสักหน่อย มีจุดให้ถ่ายรูปตลอดทางค่ะ เท่านั้นไม่พอ ยังมีเจ้าหน้าที่พร้อมบริการถ่ายรูปให้เราอีกด้วย คือคนไปคนเดียวไม่ต้องกลัวเหงาหรือไม่มีรูปเลย มีเจ้าหน้าที่ประจำเกือบทุกจุดค่ะ

ใกล้ๆ เครืองเล่น The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D จะมีจุดให้ถ่ายรูปกับสไปเดอร์ตัวเท่าคนจริง นี่ก็จริงจังกันเหลือเกินถึงกับเข้าแถวรอถ่าย อย่าว่าเขาค่ะ…เราก็ถ่าย 555

The Amazing Adventures of Spider-Man

เดินเล่นถ่ายรูปจนทั่วแล้วค่อยเข้าไปเล่นด้านในค่ะ ด้านหน้าไม่ค่อยมีคนรอนะคะ แต่ว่านาฬิกาที่บอกเวลารอคิวก็นานพอสมควร แสดงว่ามีคนรออยู่ เราก็โชว์ Express Pass ให้เขาดูค่ะ พนักงานจะดูเวลาด้วย

ด้านในมีคนรอพอสมควร ปกติต้องรอกันเกือบชั่วโมง ส่วนเราก็เดินชิลๆ ค่อยๆ กระเถิบๆ ไป ระหว่างทางก็มีการแจกแว่นประกอบการเล่นด้วย ประมาณ 10 นาทีก็ได้เล่นแล้วค่ะ

หน้าตาแว่นก็จะประมาณนี้ค่ะ พอใส่แล้วมันก็พอดีกับหน้าเราเลย คือไม่ค่อยเข้าใจว่ามันแตกต่างยังไง แต่ก็ใส่ๆ ไป ฮ่าๆ แต่ใส่ตอนที่ขึ้นรถแล้วนะคะ เพราะใส่แล้วมันมืด มองไม่ค่อยเห็นทางเท่าไหร่ (ตายิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่)

เครื่องเล่น The Amazing Adventures of Spider-Man 4K3D – The Ride เป็นรถคันหนึ่งที่ต้องนั่งกับคนอื่นอีก 3 คน (แอดมินไปคนเดียว) แล้วก็ใส่แว่น โดนวายร้ายในเรื่องโจมตีเหินฟ้า โดนไฟ โดนฝน เอฟเฟ็คก็มาเต็มดีค่ะ ส่วนตัวชอบนะคะ ตื่นเต้นดี และตอนที่จะตกจากตึกทีไรใจหายแว๊บทุกทีเลย ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็โผล่ตรงทางออก และถ้าไม่ตั้งสติให้ดีก็โดนร้านขายของฝากในนั้นสอยเงินในกระเป๋าไปอีกแน่ๆ มีหมื่นหมดหมื่น มีแสนหมดแสนค่ะ ฮ่าๆ

Minion Park

มาต่อกันที่เครื่องเล่นสุดท้ายของ Express Pass และโซนที่เราอยากมาที่สุดในช่วงนี้คือ โซน Minion Park พอเข้ามาด้านในแล้ว ชีวิตคือลั้นลามากบอกเลยยย

ตั้งแต่เข้ามา ก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ เหมือนมีงานคานิวัลตลอดเวลา ทั้งร้านขายของฝากที่คึกคักมาก เสียงหัวเราะที่ได้ยินทีไรก็อดขำไม่ได้ นี่มันคือเทศกาลแห่งความสนุกสนานนน

ทุกอย่างรอบตัวเราจะค่อยๆ กลายเป็นสีเหลืองทีละน้อยค่ะ และความสนุกที่อยู่รอบตัวจะพาให้เราสนุกสนานไปกับมันเลย มีเสียงบ่นสลับกับเสียงหัวเราะของมินเนี่ยนออกมาเป็นระยะๆ ค่ะ

แม้แต่น้ำพุยังหัวเราะได้เลยอ่ะ คือตอนแรกสงสัยว่าเสียงมันมาจากไหน เดินไปเดินมารอบๆ แล้วจู่ๆ มันก็หัวเราะขึ้นมาคึกๆ คริๆ อยากตบสักที! คือหมั่นใส้จริงอะไรจริง ฮ่าๆ

นอกจากนั้นก็มีร้านอาหารที่จัดเป็นธีมมินเนี่ยนยันเมนูอาหาร คือกินไปแล้วจะกลายเป็นมินเนี่ยนมั้ย? (อินไม่อินถามใจดู ฮ่าๆ) มีคิวยาวเล็กน้อย น่าจะรอกันประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ถ้าว่างๆ ลองได้นะคะ ทานเอาบรรยากาศค่ะ

เดินเล่นไปก็เจอบ้านจำลอง มีเครื่องเล่นจำลองปืนยิงในเรื่องให้เด็กๆ มีรถให้ขับเล่นด้วย แต่ที่เราอยากเล่นคือ Despicable Me Minion Mayhem (Minions Hacha-Mecha Ride) ค่ะ ซึ่งใน Express Pass ระบุเวลาไว้ตอน 13:50 – 14:20 น.

Despicable Me Minion Mayhem

แถวของ Express Pass มีรอคิวนิดหน่อยค่ะ ส่วนแถวปกตินี่คือรอประมาณ 150 นาทีได้ แต่เราก็ใช้เวลารอจริงประมาณ 15 – 20 นาทีก็ถึงจะได้เริ่มเล่นเครื่องเล่น กว่าจะเล่นเสร็จประมาณ 25 – 30 นาที เพราะด้านในเกริ่นนานมากกก หลายชั้นเหลือเกิน แต่ก็ตลกดีค่ะ แฟนๆ มินเนี่ยนน่าจะฟินเลย

งานนี้บอกเลยว่าคุ้มจริงที่ซื้อ Express Pass เพราะนี่คือแถวปกติค่ะ ยังไม่นับรวมด้านนอกนะคะ ส่วนเราก็เดินแบบตัวปลิวเข้าไปด้านในเลย ที่แนะนำอีกอย่างหนึ่งคือ ควรเล่นมินเนี่ยนเป็นลำดับสุดท้ายจริงๆ เพราะรถกระแทกดึ๋งๆ ทำเอาเวียนหัวพอสมควร ถ้าเล่นก่อนแล้วไปเจอพวก 3D อีกมีอ้วกแน่ๆ ค่ะ

ออกจากมินเนี่ยนก็ยังคงเดินเล่นเรื่อยเปื่อย ซื้อของฝากตัวเอง ดูสิคะ แม้แต่ร้านของฝากพนักงานก็มีแต่มินเนี่ยน มินเนี่ยน เต็มไปหมด ส่วนแอดมินซื้อของฝากคนอื่นจนหมดตัวแล้วก็ออกจากสวนสนุก เพื่อเดินทางไปต่อกันที่อาคาร ABENO HARUKAS ในตัวเมืองโอซาก้าเพื่อชมวิว ทำกิจกรรม และทานมื้อค่ำกันค่ะ

สำหรับคนที่อยากชมการเปิดไฟและขบวนพาเรดที่ Universal Studios Japan ก็อยู่เที่ยวต่อกันได้นะคะ ข้างล่างนี้มีภาพบรรยากาศจากแอดมินอีกท่านมาฝากกันเล็กน้อย

ในตอนกลางคืนก็จะมีการเปิดไฟตามสถานที่ต่างๆ ถ้าเป็นช่วงเทศกาลก็จะมีโชว์ที่เวทีพิเศษและการแสดงไฟที่ปราสาท และที่ห้ามพลาดคือขบวนพาเรดสุดอลังการ เพื่อนๆ สามารถดูรีวิวสวนสนุกช่วงกลางคืนได้ที่บทความนี้นะคะ » [รีวิว] Universal Studios Japan ตอนกลางคืน ชมโชว์ช่วงคริสต์มาส & ขบวนพาเหรดสุดอลังการ

ทริคท่องเที่ยวและเล่นเครื่องเล่นใน Universal Studios Japan (USJ) ให้รวดเร็ว!

แถมท้ายด้วยทริคการเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซล ถึงขนาดต้องมีกลยุทธ์การเที่ยวเลยนะคะ เพราะจากประสบการณ์แล้ว หากไม่มาเจอกับตัวเราจะไม่รู้เลยว่าปัญหาคืออะไร อาจจะทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ วันนี้แอดมินจึงมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาช่วยย่นเวลาได้มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เที่ยวได้คุ้มค่ายิ่งขึ้นค่ะ

1. ซื้อตั๋วล่วงหน้าทางออนไลน์

เราควรซื้อตั๋วเข้าสวนสนุก Studio Pass ล่วงหน้ามาก่อน รวมถึง Express Pass ที่จะมีการจำกัดการขายในแต่ละวัน ถ้าซื้อใกล้ๆ พาสอาจขายหมดไปก่อนก็ได้ค่ะ คนที่ซื้อตั๋วเข้า Universal Studios Japan (USJ) และ Express Pass ทางออนไลน์กับ Klook.com ก็จะได้ตั๋วเป็น E-ticket พร้อม QR Code ทางอีเมลสำหรับใช้สแกนได้เลย (ใครกลัวว่าโทรศัพท์แบตหมดจะลำบากแนะนำให้ปริ้นใส่กระดาษมาก็ดีได้ค่ะ)

สำหรับการไปซื้อตั๋วหน้าสวนสนุก ก็จะเสียเวลาประมาณ 20 – 30 นาทีในการต่อแถวค่ะ ถ้ามีตั๋วมาแล้วก็มาต่อแถวเข้าได้เลย แม้ว่า Express Pass จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ว่าก็ทำให้เราเที่ยวได้สนุกขึ้นค่ะ เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวแต่ละเครื่องเล่นเป็นชั่วโมงค่ะ

2. เลือกวันที่คนน้อย เพื่อจะได้เข้าคิวไม่นาน

โดยปกติแล้วช่วงวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนขัตฤกษ์ของคนญี่ปุ่น รวมถึงช่วงที่ตรงกับเทศกาล อย่างเช่น ช่วงปลายเดือนมีนาคมและต้นเดือนเมษายนที่ตรงกับช่วงซากุระบาน หรือช่วงโกลเด้นวีคตอนต้นเดือนพฤษภาคมก็จะมีคนมาเที่ยวสวนสนุกมากเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงช่วงนี้ค่ะ

ปัจจุบันตั๋วเข้าสวนสนุกแบบ 1 วันของ Universal Studios Japan (USJ) ก็มีหลายระดับราคาตามความหนาแน่นของคนมาเที่ยวด้วยค่ะ วันไหนคนน้อย ตั๋วก็จะถูกลง โดยเริ่มตั้งแต่ 8,400 – 9,800 เยน (มีการประกาศราคาล่วงหน้า 2 เดือน) เราก็สามารถเดาได้ว่าวันไหนจะมีคนมาเที่ยวเยอะหรือน้อยจากราคาตั๋วนี่ล่ะค่ะ สามารถดูราคาในแต่ละวันได้ที่หัวข้อ » 1 DAY Studio Pass

3. เข้าสนุกก่อนเวลาเปิดด้วย VIP Wristband

อันนี้เป็นออฟชั่นเสริมที่จะทำให้เราเข้าสวนสนุกได้ก่อนเวลาเปิดประมาณ 20 นาที (เวลาเปิดในแต่ละวันอาจแตกต่างกัน) ซึ่งเราจะสามารถวิ่งไปจองคิวเครื่องเล่นยอดฮิตอย่าง Harry Potter and the Forbidden Journey หรือ The Flying Dinosaur ได้ก่อนคนที่ซื้อตั๋วเข้าปกติค่ะ

แน่นอนว่าก็ต้องเสียเงินเพิ่มจากราคาตั๋วเข้าอีก 3,000 เยน รวมถึงเราจะต้องไปแลกริสแบนด์ของจริงที่ตึก ABENO HARUKAS ในเมืองโอซาก้า 1-5 วัน ก่อนวันเข้าสวนสนุกค่ะ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ » VIP Wristband (*ปัจจุบันไม่มีจำหน่าย VIP Wrisband)

เช็คเวลาเครื่องเล่น Universal Studios Japan

4. ลดเวลาเข้าแถวด้วยการฉายเดี่ยวกับช่อง Single Rider

สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อ Express Pass เราสามารถลดเวลาการรอคิว ด้วยการไปต่อแถวแบบ Single Rider ซึ่งเป็นแบบที่นั่งเดี่ยว โดยเราจะได้เข้าไปเติมที่นั่งในเครื่องเล่นที่ว่างอยู่ค่ะ เหมาะสำหรับการที่มาเที่ยวคนเดียว หรือถ้ามาเป็นกลุ่มก็ต้องแยกกันนั่งค่ะ (แม่ว่าจะเหงาๆ หน่อย แต่ก็ได้คิวเร็วขึ้นแน่นอน!)

5. เลือกเล่นเครื่องเล่นตามระดับความแรง!

เครื่องเล่นที่มีชื่อเสียงเรื่องความแรงและชวนเวียนหัว อย่างเช่น The Flying Dinosaur ควรเอาไว้ท้ายๆ หรือหลังสุดค่ะ เพราะจะทำให้เราไปต่อไม่ได้ หรืออาจต้องเสียเวลาพักเอาแรง (หรือห่างจากพวกที่เป็น 3D สักพัก) และสำหรับคนที่ใช้ Express Pass ที่มีเครื่องเล่นของ Harry Potter, Minion ก็จะมีการระบุเวลาเครื่องเล่นเอาไว้ เราต้องไปให้ตรงเวลาที่กำหนดนะคะ

6. คำนวนเวลาทานอาหารและซื้อของฝาก หลีกเลี่ยงช่วงที่คนเยอะ

ยกตัวอย่างเช่น ไม่ควรพักทานข้าวช่วง 11:30 – 12:30 น. เพราะเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่จะทานข้าวเที่ยงกัน สำหรับคนที่ไม่ได้ทานอาหารเช้ามาควรทานตั้งแต่ 11:00 น. หรือคนที่ทานมาช่วงสายๆ ก็ทานสักบ่าย 2 โดยสามารถหาทานได้ที่ทั้งโซน Harry Potter, Hollywood, Minion Park และบริเวณรอบๆ ช่วงเวลานี้คนจะไม่ค่อยเยอะมากค่ะ เราก็ใช้เวลาที่เขาทานข้าวกันมาเล่นเครื่องเล่นชิลๆ นั่นเอง

ส่วนการซื้อของฝากทั้งหลาย แนะนำให้เล่นไปซื้อไป (มันไม่หนักขนาดนั้น) อย่ารอไว้ซื้อทีเดียวก่อนกลับ เพราะตอนใกล้ๆ เวลาปิดสวนสนุกหรือช่วงที่คนเริ่มออก ในร้านขายของจะวุ่นวายกันมากค่ะ

7. คนที่มีสัมภาระเยอะ ควรฝากกระเป๋าเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าสวนสนุก

สิ่งที่แนะนำให้พกคือกระเป๋าที่คล้องหรือสะพายได้ไม่เกะกะ (ซื้อจากข้างในสวนสนุกก็ได้ค่ะ) เพราะเราจะสามารถเดินตัวปลิวร่อนไปร่อนมาได้ทั่วบริเวณ ฟินกว่าแบกกระเป๋าหนักๆ เป็นไหนๆ ค่ะ นอกจากนี้บางเครื่องเล่นก็จะไม่สามารถนำสัมภาระขึ้นไปได้ด้วย ช่วงที่คนเยอะๆ อาจต้องไปเสียเวลาเก็บสัมภาระเข้าล็อคเกอร์อีกค่ะ (ทางแคบ เดินเข้าไปลำบากนั่นเอง)

เทคนิคง่ายๆ ในการเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน ทั้งการซื้อตั๋วให้เรียบร้อยก่อนมาถึง การทำตัวให้เบาสบาย การจัดตารางเครื่องเล่นและเวลาพักให้เหมาะสม สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง รวมกับการใช้ Express Pass แล้ว รวมเวลาที่ประหยัดไปได้ก็เกือบๆ 5-7 ชั่วโมงเลยทีเดียวเลยนะคะ

ข้อมูลเพิ่มเติม » Universal Studios Japan (USJ) คำถามที่พบบ่อย & ข้อควรรู้ก่อนมาท่องเที่ยวสวนสนุก

สรุป

ปิดท้ายบทความนี้ด้วยการสรุปการใช้ Universal Express Pass 4 ~Minions Ride~ แบบย่อๆ นะคะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจสำหรับคนที่อยากซื้อแต่ลังเลอยู่ (ราคาอยู่ที่ประมาณ 6,800 เยน – 13,200 เยน ขึ้นอยู่กับวันที่ใช้) ตามที่แอดมินทดสอบมาแล้วนั้นปรากฎว่าใช้เวลาแบบทำสถิติการเล่นสวนสนุก USJ ของตัวเองในวันหยุดสุดสัปดาห์เอาไว้ดังนี้ค่ะ

  • Harry Potter and the Forbidden Journey in 4K3D เวลาในการเข้าแถวปกติ (วันจริง) 160 นาที ใช้ Express Pass แอดมินเล่นเสร็จภายใน 20 – 25 นาที
  • Terminator 2:3-D เวลาเข้าแถวปกติ 40 นาที แอดมินใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที
  • The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D เวลาเข้าแถวปกติ 40 นาที แอดมินเล่นเสร็จภายในเวลา 15 นาที
  • Despicable Me Minion Mayhem (Minions Hacha-Mecha Ride) เวลาเข้าแถวปกติ 180 นาที ใช้ Express Pass แอดมินเล่นเสร็จภายในเวลา 30 นาที

วันนี้ก็ขอจบรีวิวการเที่ยวโอซาก้าในส่วนของสวนสนุก Universal Studios Japan (ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน) ไว้เพียงเท่านี้ (ใครยังไม่อิ่ม เรามีรีวิวอีกเพียบตรงลิงค์ด้านล่างบทความนี้ สามารถจิ้มดูต่อกันได้ แล้วเราจะมาพบกันในบทความต่อไป ซึ่งเป็นการเที่ยวในภาคค่ำที่ตึก ABENO HARUKAS ที่มีทั้งกิจกรรมตื่นเต้นๆ จุดชมวิวมุมสูง งานแสดงไฟสวยๆ ร้านอาหารอร่อยๆ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า

อ่านตอนจบ » [รีวิว] HARUKAS 300 จุดชมวิวเมืองโอซาก้าบน ABENO HARUKAS ตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

เขียนเมื่อ Mar 29, 2019
อัพเดทล่าสุด Jan 16, 2020

ข้อมูล Universal Studios Japan (USJ)

ชื่อภาษาญี่ปุ่น

ユニバーサル・スタジオ・ジャパン (Universal Studios Japan)

ที่อยู่

2 Chome-1-33 Sakurajima, Konohana Ward, Osaka, Osaka Prefecture 554-0031

เวลาเปิด

ตั้งแต่ 8:30 – 22:00 น.
(เวลาเปิด – ปิดของสวนสนุกจะแตกต่างไปแต่ละวัน รวมทั้งวันปิดทำการของเครื่องเล่นบางชนิด กรุณาตรวจสอบที่ Park Operation Hours)

การเดินทาง

นั่งรถไฟสาย JR Yumesaki Line มาลงที่สถานี Universal City

Klook.com

ค้นหาโรงแรมที่พักในโอซาก้า


บทความเที่ยว Universal Studios Japan (USJ)

การซื้อตั๋ว
รีวิวสวนสนุก
รีวิวท่องเที่ยว

+ ดูบทความเที่ยว USJ ทั้งหมด

บทความแนะนำ

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com