สวัสดีค่า ตอนนี้เราจะได้เริ่มต้นเที่ยวจังหวัดมิยางิ (Miyagi) กันแล้วนะคะ แต่ว่าเรายังไม่ได้พาไปเที่ยวในตัวเมืองนะคะ เพราะจะพาเพื่อนๆ ออกทะเลกันก่อน อิ อิ โดยจะพาข้ามฝั่งจากแผ่นดินใหญ่ไปหาน้องเหมียวที่เกาะทาชิโระจิมะ (Tashirojima) หรือที่เรียกว่า เกาะแมว (Cat Island)” กันค่า~

ตั้งแต่แอดมินได้ข่าวคราวเรื่องการท่องเที่ยวบนเกาะที่เต็มไปด้วยน้องเหมียว ก็อยากจะลองไปสักครั้งมานานแล้วค่ะ และเมื่อมีโอกาสงามๆ ได้มาเที่ยวในจังหวัดมิยางิซึ่งเป็นที่ตั้งของเกาะแมวอันโด่งดังแบบนี้ จะพลาดได้ยังไงจริงมั้ยคะ ก่อนอื่นก็ขอแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะไปกันนะคะ

เกี่ยวกับเกาะแมว Tashirojima (Cat Island)

เกาะทาชิโระจิมะ (Tashirojima / 田代島) หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า “เกาะแมว (Cat Island / 猫の島)” ตั้งอยู่ในเมือง Ishinomaki (石巻) ของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีประชากรอยู่เพียง 100 คน คาดว่าถูกใช้เป็นพื้นที่เนรเทศนักโทษในปลายสมัยเอโดะ

บนเกาะมีท่าเรือโดยสารอยู่ 2 แห่ง คือ ท่าเรือ Odomari (大泊) และ Nitoda (仁斗田) สำหรับท่าเรือหลักก็คือ Nitoda แต่ถ้านั่งเรือเฟอร์รี่มา จะถึงท่าเรือ Odomari ก่อน

แม้ในญี่ปุ่นมีเกาะแมวหลายแห่งก็ตาม แต่ยังคงเรียกกันว่า “เกาะแมว” แบบนี้ในทุกๆ เกาะที่มีแมวอาศัยอยู่จนเป็นสัญลักษณ์ค่ะ และแน่นอนว่าน้องแมวนั้นมีความสำคัญมากกับเกาะ Tashirojima แห่งนี้ ขนาดที่ว่าไม่อนุญาตให้มีสุนัขอยู่บนเกาะเลย ไม่ว่าจะเป็นสุนัขนำทางผู้พิการ สุนัขตำรวจ หรือสุนัขระวังภัย โอ้ววว แมวเหมียวสำคัญขนาดนี้ชักอยากจะไปเห็นของจริงเสียแล้วสิ~

การเดินทางมาเกาะแมว Tashirojima

การเดินทางมายังเกาะแมว Tashirojima นั้นต้องแบ่งการเดินทางเป็น 3 ช่วงจากตัวเมืองเซนไดซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัดมิยางิค่ะ

การเดินทางช่วงที่ 1 : Sendai → Ishinomaki

จากสถานี Sendai ให้นั่งรถไฟสาย JR Senseki-Tohoku Line Rapid (ใช้เวลาประมาณ 60 นาที) หรือ JR Senseki Line Local (ใช้เวลาประมาณ 85 นาที) มาลงที่สถานี Ishinomaki

การเดินทางช่วงที่ 2 : Ishinomaki → Ajishima Line

ท่าเรือ Ajishima Line ที่เราจะต้องขึ้นเรือไปยังเกาะ Tashirojima นั้นอยู่ห่างจากสถานี Ishinomaki ประมาณ 30 นาทีด้วยการเดิน สามารถนั่งรถแท็กซี่หรือรถบัสภายในเมืองก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที

การเดินทางช่วงที่ 3 : Ajishima Line → Tashirojima 

ขึ้นเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือ Ajishima Line ไปยังเกาะ Tashirojima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45-60 นาที ราคาค่าโดยสารเที่ยวละ 1,230 เยน (เวลาซื้อตั๋ว ควรซื้อแบบ Round Trip ไปเลย) มีเรืออกวันละ 3 เที่ยวเท่านั้น สำหรับขาไป คือ  9:00, 12:00, 15:30 และ สำหรับขากลับ คือ 7:40, 14:12, 15:33

รีวิวเที่ยวเกาะแมว Tashirojima

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ถือว่าทรหดมากสำหรับตัวเรา ประหนึ่งนั่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากฝั่งยุโรปยังไงยังงั้นเลย หากยังจำกันได้ ตอนก่อนหน้าที่เราเดินทางมายังเมืองเซนได (Sendai) จากโตเกียวด้วยการนั่งรถบัสกลางคืน (Night Bus) และถึงที่เซนไดในเวลาประมาณตี 5 แน่นอนว่าจะได้นอนไม่กี่ชั่วโมง สภาพคือไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน (สถานีรถไฟยังไม่เปิด) โทรมมากก ง่วงสุดๆ ค่ะ

รอสถานีรถไฟเปิด แล้วก็เข้าไปเช็ดขี้หูขี้ตา ล้างหน้าโทรมๆ ของเรา แล้วก็ฝากของไว้ที่ล็อคเกอร์ให้เรียบร้อย เพราะเราจะนอนที่เซนได 1 คืน จึงหอบบ้าน เอ้ยย หอบสัมภาระมาด้วย เพื่อนๆ ที่ขนของมาก็อย่าได้กังวลค่ะ ล็อคเกอร์ช่วยเราได้ และถ้ามีบัตร Suica ก็จะช่วยได้มากขึ้นไปอีก แค่เอาของใส่ล็อคเกอร์แล้วแตะจ่ายเงินตอนปิดล็อคเกอร์ และใช้บัตร Suica แตะตอนนำของออก ไม่ต้องใช้รหัส หรือต้องเก็บใบรหัสให้ยุ่งยากเลยค่ะ

ฝากกระเป๋าเสร็จแล้วก็เริ่มเดินไปดูตารางรถไฟค่ะ และปัญหาที่ต้องพบทุกครั้งเวลาเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดของญี่ปุ่นก็คือ ถึงจะดูสถานีรถไฟมาแล้ว แต่ก็จะงงๆ อยู่ดี เพราะสถานีรถไฟแต่ละที่มีหลักการการให้บริการไม่เหมือนกัน ดูไปก็งงไปสิคะ ขบวนไหนล่ะนั่น อะไรแบบนี้ จ้องอยู่นานมาก กว่าจะหาเจอกก็เกือบขึ้นรถไม่ทัน

ดังนั้นเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวในสถานที่ที่เราไม่รู้จักระบบรถไฟ (ทุกจังหวัดที่ไปก็ว่าได้ เอิ๊ก~) ขอให้เผื่อเวลาก่อนที่รถไฟออกเยอะๆ หน่อย เพราะเราจะต้องมางงเวลาซื้อตั๋วและหาทางไปอย่างแน่นอน ถึงแม้บางทีจะเช็ครอบจาก hyperdia.com มาก่อน แต่เราก็อาจจะงงได้อยู่ดีว่าต้องไปขึ้นรถไฟตรงไหนของสถานี

เมื่อเรารู้สายรถไฟที่เราจะขึ้นแล้ว ซึ่งก็คือสาย Senseiki-Tohoku Line ก็มาดูตารางอันนี้ต่อค่ะ ตารางด้านบนเป็นการดูสายรถไฟที่เราจะต้องขึ้น ในภาพด้านบนนี้คือตารางเวลาของรถไฟสาย Senseiki-Tohoku Line ซึ่งจะมีเวลาบอกในแต่ละชั่วโมงค่ะ ของเราเป็นรอบรถไฟตอน 6:26 น. ตรงที่เป็นตัวแดงพอดี หมายถึงรถด่วนนั่นเอง แต่ว่าราคาตั๋วรถไฟเท่ากันนะคะ

จากนั้นก็ซื้อตั๋วเลยค่ะ ราคาตั๋วของเรานั้นอยู่ที่ 840 เยน คนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นให้สังเกตภาษาญี่ปุ่นจากป้ายแรกนะคะ คำว่า 石巻 (Ishinomaki) นั้น อยู่ที่ราคาเท่าไหร่ เพราะบางสถานีแผนที่แยกสายรถไฟจะมีภาษาอังกฤษ แต่ตรงแผนที่ดูราคาตั๋วจะไม่มีภาษาอังกฤษค่ะ

ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปด้านในชานชาลาเลยค่ะ ดูตรงป้ายไฟว่าจุดหมายของเรารถไฟสาย Senseki-Tohoku Line for Ishinomaki อยู่ชานชาลาไหน ซึ่งก็คือ ชานชาลาที่ 4 ค่า

และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนๆ เรายอมหลงคนเดียวเพื่อเป็นแนวทางการเดินทางให้กับเพื่อนๆ เน๊อะ (แลดูเป็นคนดี อิ อิ) ทางเข้าชานชาลานั้นก็อาจจะหาง่ายขึ้นเมื่อบอกว่าอยู่ชานชาลาเดียวกับรถไฟที่ไป Sendai Airport

รถไฟที่เราจะขึ้นนั้นออกเวลา 6:26 น. หรือให้หาง่ายๆ ก็ดูที่แถบสีฟ้าตรงขบวนรถพร้อมคำว่า HYBRID ค่ะ เห็นชัดแจ๋วเลย ควรเผื่อเวลาเดินมาขึ้นรถไฟเยอะๆ นะคะ เราจะได้มีเวลาเดินแบบไม่ต้องรีบ (กรณีที่ชานชาลาไกลมาก) และการดื่มด่ำกับการซื้อของที่ผลิตในท้องถิ่นตรงร้านสะดวกซื้อภายในสถานีก็ดีไม่น้อยค่ะ คอนเฟิร์ม อิ อิ

พร้อมแล้วก็ขึ้นรถไฟเลยค่ะ รถไฟเป็นแบบหันหน้าเข้าหากัน ถ้านั่งตรงข้ามกับคนที่ไม่รู้จักกันอาจจะเมื่อยเข่านิดหนึ่งนะคะ ในกรณีที่มีการเดินทางด้วยรถไฟเกิน 30 นาที เราจะดูกำหนดการของสถานีที่เราจะไปค่ะ ว่าจะถึงปลายทางกี่โมง แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนถึงปลายทางสัก 5 นาที จากนั้นก็เปิดเพลง งีบสบายๆ ยาวไป ยาวไปค่ะ

แต่ว่ายังไปไม่ถึงปลายทาง รถไฟก็หยุดกึก! ซึ่งปรากฎว่ารถไฟจอดชาร์จแบตจ้าาา เกิดมาพึ่งเคยเจอรถไฟชาร์จแบต งานนี้เลยเสียเวลาไปเยอะพอสมควร แต่ก็ถือว่าเป็นการนอนพักเพิ่มล่ะกันเนอะ

เมื่อมาถึงยังสถานี Ishinomaki [ดูแผนที่] ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง เราก็จะพบกับความน่ารักของเมืองนี้ค่ะ คือทั้งเมืองเป็นเมืองที่มีตัวการ์ตูนเต็มไปหมด จริงๆ แล้วเมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์การ์ตูนอิชิโนโมริ (Ishinomori Manga Museum) ที่ตั้งตามชื่อนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง Shotaro Ishinomori เจ้าของผลงานการ์ตูนที่ทุกคนน่าจะรู้จักดี ก็คือ ไอ้มดแดง Kamen Rider นั่นเองค่ะ

ตรงหน้าสถานีเราก็พบกับไอ้มดแดง Kamen Rider และตัวเอกจากเรื่อง Cyborg ออกมาต้อนรับเราเรียบร้อย งานนี้แฟนการ์ตูนยุค 90 ต้องชอบกันมากแน่ๆ ค่ะ

หน้าตาสถานี Ishinomaki จะมีรูปร่างแปลกตาไปจากสถานีรถไฟแบบญี่ปุ่นค่ะ และถ้าใครจำกันได้ว่าที่สถานีเซนไดมีกระจกสีอยู่ด้วย ก็จะถึงบางอ้อค่ะ เพราะลักษณะภายนอกของสถานีมีรูปร่างแอบคล้ายกับโบสถ์เล็กน้อย และบนหลังคา หากเรามองดีๆ จะเห็นตัวการ์ตูนอยู่บนนั้นด้วยนะคะ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์การ์ตูน Ishinomori Manga Museum หรือมาเที่ยว Manga Road ของที่นี่ แอดมินขอแนะนำแผนที่นี้ค่ะ เราสามารถรู้ได้เลยว่าจุดไหนของเมืองมีหุ่นของตัวละครใดอยู่ เต็มอิ่มกันไปเล้ยยย! ซึ่งแผนที่นี้จะตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟ Ishinomaki ค่ะ

ส่วนตัวเราที่ตั้งใจมาหาน้องแมว ก็พยายามหาทางขึ้นรถบัสไปยังท่าเรือ Ajishima Line [ดูแผนที่] แต่เมื่อดูเวลารอรถแล้ว คิดว่าเดินไปน่าจะดีกว่า และเนื่องจากเราคิดว่ามันไม่ไกลด้วย (จริงๆ ไกลมาก) จึงเดินขาลากกันไปเลยจ้าาา~

เมื่อเราเริ่มออกเดินทางจากสถานีไปยังท่าเรือ เราจะเจอหุ่นอีกตัวละครหนึ่งจากเรื่อง Cyborg คิดว่าน่าจะเท่าขนาดคนจริงค่ะ เพราะไปลองยืนถ่ายด้วยแล้ว เหมือนยืนถ่ายกับฝรั่งตัวโตๆ

สิ่งที่น่าประทับใจสำหรับเมืองนี้ก็คือ การแบ่งฝั่งระหว่างเลนคนเดินและเลนจักรยาน เพื่อการสัญจรค่ะ นอกจากการเดินทางด้วยรถบัสหรือแท็กซี่ บริการเช่าจักรยานก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเลยค่ะสำหรับการท่องเที่ยวที่นี่ เพราะมีพื้นที่ให้ปั่นจักรยานอย่างดี

เดินจากถนนใหญ่ลัดเลาะมาตามซอกซอย ผ่านสุสานบ้าง (บรึ๋ยยย~) ก็เริ่มมีโซนที่ทำให้เราเห็นใบไม้แดงบ้างแล้ว ไม่เชิงว่าใบไม้แดงค่ะ ต้องเรียกกว่า ต้นไม้ที่พร้อมที่จะผลัดใบแล้ว จะเป็นสีแดงออกสีส้มๆ หน่อย (ช่วงที่มานี้คือประมาณวันที่ 12 พฤศจิกายน)

พิพิธภัณฑ์การ์ตูนอิชิโนโมริ (Ishinomori Manga Museum)

เดินทะลุซอยเล็กๆ จนมาถึงริมชายฝั่งทะเลใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็เจอเข้ากับ พิพิธภัณฑ์การ์ตูนอิชิโนโมริ (Ishinomori Manga Museum) [ดูแผนที่] ซึ่งเป็นสถานที่ที่อุทิศให้งานเขียนการ์ตูนของ Shotaro Ishimori โดยผลงานของนักเขียนท่านนี้ที่โดดเด่นนอกจาก Kamen Rider ก็ยังมี Cyborg 009, 003, 001, Robocon, Kikaider ฯลฯ

ท่าเรือ Ajishima Line (網地島ライン)

หลังจากเดินต่อลัดเลาะมาตามชายฝั่ง ในที่สุดก็ถึงท่าเรือ Ajishima Line สักที คือเดินไกลมากก รวมๆ แล้วเดินประมาณ 30 นาที เชียวนะ! แถมถนนริมชายฝั่งมีการก่อสร้างด้วย ก็โดนฝุ่นไปเต็มๆ เพื่อนๆ ที่ไม่อยากเดินเที่ยวตามเมือง แนะนำให้ขึ้นรถบัสมาดีกว่าค่ะ 30 นาทีมาหนึ่งคัน พอๆ กับการเดินของเราเลย ต่างกันแค่ว่าเราหมดแรงไปก่อนแล้ว 555 หรือใครงบเยอะก็จัดแท็กซี่ไปเลยค่ะ ค่าโดยสารประมาณ 1,000 เยน

เมื่อมาถึงแล้วก็อย่าช้าค่ะ แหงนคอเมื่อยๆ ของเราที่ผ่านการเดินมาอย่างไกล (เกี่ยวเหรอ?) ดูช่วงเวลาที่เรือจะออกค่ะ ซึ่งป้ายนี้ก็หาไม่ยากค่ะ อยู่เหนือที่ซื้อตั๋วขึ้นเรือเลย ต่อแถวเนียนๆ ไปค่ะ แล้วก็มองไปด้วยแบบไม่ให้เสียเวลา โดยเที่ยวเรือที่แล่นในเส้นทางระหว่าง Ishinomaki (石巻) และ Tashiroshima (田代島) นั้นจะมีเพียงวันละ 3 เที่ยวเท่านั้นทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งต้องกะเวลากันดีๆ นะคะ

ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ไปรับแผนที่เกาะ Tashirojima (田代島) ค่ะ ซึ่งอธิบายไว้ว่าท่าเรือบนเกาะมีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน คือท่าเรือ Odomari (大泊) และ Nitoda (仁斗田) และเราจะลงที่จุดไหนก็ทำเครื่องหมายเอาไว้ให้เรียบร้อยค่ะ เวลาเขาประกาศตอนใกล้ลงเราได้ลงถูกท่าเรือ

นอกจากตั๋วเรือแล้วเราจะได้รับตารางเวลาของเรือด้วย แนะนำให้ดูเที่ยวเรือขากลับไว้ให้ดีค่ะ ซึ่งถ้าเราเดินทางมาถึงเกาะในตอนเช้า ก็เท่ากับว่าจะเที่ยวกลับจะมีเพียงแค่ 2 รอบเท่านั้นนะคะ

และนี่ก็คือหน้าตาของตั๋วเรือค่ะ เพื่อความรอบคอบและป้องกันการหาที่ซื้อตั๋วขากลับไม่ได้ ก็ซื้อแบบ Round Trip ไว้เลยค่ะ และเก็บตั๋วขากลับเอาไว้ให้ดี อย่าให้พนักงานตรวจตั๋วไปทั้งหมดนะคะ

บรรยากาศตรงที่ซื้อตั๋วเรือค่ะ วันนี้คึกคักพอสมควร มีทั้งคู่รัก กลุ่มวัยรุ่น จึงไม่ค่อยเหงาค่ะ มีต่างชาติพอสมควร ทั้งจีน เกาหลี และไทย (เราเอง อิ อิ)

ก่อนถึงเวลาขึ้นเรือก็มาชมบรรยากาศรอบๆ ท่าเรือสักหน่อย และนี่คือเรือที่เราจะใช้เดินทางไปยังเป้าหมายของเรานั่นเองค่า นอกจากลำนี้แล้ว ก็มีเรืออื่นๆ อีกมากมาย อากาศตอนที่ไปก็อบอุ่นกำลังดี ลมอ่อนๆ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี่บรรยากาศจะเย็นๆหน่อยๆ ชอบกลิ่นไอแบบนี้สุดๆ

ภายในเรือจะเป็นที่นั่งแบบรถไฟ เลือกทางหันหน้าได้ด้วย และแม้ว่าจำนวนคนที่เราเห็นตรงที่ซื้อตั๋วเมื่อครู่จะดูแออัดไปหน่อย แต่ว่าพอมาอยู่บนเรือก็ดูจะน้อยลงไปถนัดใจ เพราะเรือสามารถบรรจุคนได้กว่า 200 คน

ผ่านไปเกือบชั่วโมงก็เริ่มเห็นเกาะแล้วค่ะ น้ำทะเลสีสวยมากๆ ฟ้าอ่อน อากาศยังแจ่มใส่และมีคลื่นเล็กน้อย บนเกาะปลายทางของเรามีต้นเมเปิ้ลบางต้นที่เปลี่ยนสีเป็นสีแดงแล้ว

หลังจากนั่งเรือมาได้ประมาณชั่วโมงนึง ก็มาถึงเกาะแมว Tashirojima (田代島) เสียที หน้าตาของท่าเรือถือว่าค่อนข้างใหญ่นะคะ สำหรับเกาะเล็กๆ

บริเวณท่าเรือก็มีที่นั่งเอาไว้ให้นั่งพักผ่อนกันค่ะ แต่ช่วงแดดเปรี้ยงอย่างนี้ก็คงไม่สามารถพักผ่อนได้สักเท่าไหร่ คิดว่าจะไหม้เกรียมกันเสียมากกว่า และเมื่อลงจากเรือ เดินเข้าสู่บริเวณเกาะแล้วค่ะ

เราจะเจอพื้นที่เขาเอาไว้จอดเรือกันค่ะ ไม่ได้มีปริมาณมาก จึงทำให้มีบริเวณที่เป็นช่องว่างให้เดินเล่นชมวิวกันไปค่ะ ดูเผินๆ อาจจะเหมือนไม่มีคนอยู่ แต่ว่าจู่ๆ ก็มีน้องแมวโผล่มาค่ะ มาเดินเล่น บิดขี้เกียจนวยนาดอยู่ตรงหน้าเราให้เดินตามกันไปค่ะ

แต่ก่อนจะเดินเข้าไปในหมู่บ้านเราก็เจอกับตู้ขายน้ำ สำหรับบุคคลภายนอกที่เข้ามาที่เกาะ ให้เก็บขยะที่นำมาด้วย โดยที่ไม่ทิ้งขยะใดๆ บนเกาะนี้นะคะ แน่นอนว่า ร้านอาหารหรูๆ บนเกาะไม่มีแน่นอนค่ะ เรียกว่าเป็นชนบทและอาศัยอยู่กับธรรมชาติอย่างเต็มขั้น เมื่อรู้ดังนี้แล้วเรารู้สึกโชคดีอย่างมากที่ห่อข้าวกล่องมาด้วย เพื่อนๆ คนไหนที่จะมาเที่ยวที่เกาะนี้นะคะ แนะนำให้พกอาหารและน้ำมาเอง โดยข้าวก็อยากให้เป็นพวกข้าวปั้นดีกว่า เพราะจะได้ไม่มีพวกเศษภาชนะเหลือให้หนักกระเป๋าของเราค่ะ

แมวเมิน

หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปตามเส้นทางของหมู่บ้านค่ะ ถนนที่นี่เป็นถนนเส้นเล็กๆ และแต่ละบ้านก็มีประตูบ้าง ไม่มีประตูบ้าง สามารถเดินลัดเลาะไปตามทางเดินเล็กๆ ข้างบ้านได้เลย และแน่นอนว่าเรามาหาน้องแมว ตั้งแต่เหยียบเข้าถนนในหมู่บ้านมา เราก็จะเจอน้องแมวเจ้าถิ่นอยู่ทุกที่

รักสามเศร้า เราสามตัว…

แต่น้องเมวก็ไม่ได้เยอะยัวะเยี๊ยะจนน่ากลัวนะคะ แต่เป็นอารมณ์แบบว่า ไม่ว่าจะมองไปด้านไหน ก็จะเจอแต่น้องแมว ไม่ใช่แค่แมวพันธุ์ดั้งเดิม แต่ยังมีพันธุ์ปุกปุยอยู่ด้วย เราก็ไม่ได้กำหนดเส้นทางที่เดินค่ะ แค่เดินตามแมวไปเรื่ิอยๆ บางครั้งอยากถ่ายรูปแมวสวยๆ แต่ดันหันตูดให้ เดินหนีไปเลยก็มี แต่เรายึดคติ ไม่เข้าบ้านแมวก็ไม่เจอแมวดิ จึงทำการฟอลโล่แมวไป แล้วก็เจอน้องแมวน่ารักๆ อีกหลายตัวเลยค่าาา

แมวถัง

อีกประการหนึ่งที่เราสังเกตเห็นก็คือ แต่ละบ้านแม้จะมีประตูรั้วบ้านแต่ว่าไม่มีประตูปิด ทำให้น้องเมวสามารถเดินเข้าบ้านโน้นออกบ้านนี้ได้สบายมาก แต่อย่างไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา แอดมินอยากให้รักษามารยาทโดยการไม่เข้าไปบริเวณบ้านโดยพลการ แม้จะมีน้องแมวอยู่มากก็ตามค่ะ

แมวคุมซอย หึ หึ

เดินต่อไปเรื่อยๆ เราก็หยุดพักเป็นจุดๆ คือแล้วแต่ปริมาณและนิสัยแมว เพราะตลอดทางที่เดินไปตามถนน เราก็เจอแมวนอนตามถนนใหญ่แบบไม่เกรงกลัวรถกันเลย และนี่น่าร้ากกมากคือ ถ้ารถมา รถจะหยุดให้แมวก่อนค่ะ คือพี่แมวเขาใหญ่กันจริงๆ ที่นี่

เมื่อเราเริ่มเดินไกลมากขึ้น บ้านคนก็เริ่มน้อยลง เป็นป่ามากขึ้น แต่แมวบนเกาะนี้ก็ยังคงเดินนวยนาดให้นักท่องเที่ยวเดินตามถ่ายรูปกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

Tashirojima Nyanko Republic (田代島にゃんこ共和国)

และเมื่อเดินเข้าไปลึกๆ ด้านในเกาะ ก็จะเจอ Tashirojima Nyanko Republic [ดูแผนที่] อาจจะเรียกกว่าเป็นอนุสาวรีย์ จุดพักดื่มชาและจุดขายของที่ระลึกเกี่ยวกับแมวบนเกาะนี้ ได้ถูกรวบรวมไว้ที่นี่ทั้งหมดแล้ว

ณ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่มีความคล้ายกับคำว่าร้านอาหารมากที่สุด เนื่องจากมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มง่ายๆ จำหน่าย สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเหนื่อยๆ ก็มาพักเท้าที่นี่ได้ค่ะ

แมวตัวน้อย

ระหว่างที่เราละเลียดชิมอาหารปาก ก็มีอาหารตาให้เราชมไปด้วย คือเจ้าตัวเล็กตัวนี้นี่แหละค่ะ ละมุนมากก จนไม่กล้าจับน้องเลย นอกจากน้องที่อยู่บนโต๊ะแล้วก็มีวายร้ายหลายตัววิ่งไล่กันทั่วบริเวณเต็มไปหมดค่ะ

Inaridaimyojin (稲荷大明神)

แท้จริงแล้วเราอยากจะเดินให้ไกลกว่านี้ แต่เนื่องด้วยอุปสรรคหลายอย่าง กลัวจะเดินกลับไม่ทันขึ้นเรือขากลับ ก็ทำให้เรากลับหลังหัน และเลือกชมหมู่บ้านในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก และเราเจอเข้ากับ Inaridaimyojin (稲荷大明神) [ดูแผนที่] ศาลเจ้าใกล้ๆ กับริมเกาะ ก็ขึ้นไปขอพรเสียหน่อย

บางส่วนของหมู่บ้านที่เลยไปถึงด้านบนเขา เราก็ยังเจอแมวแอบอยู่ตามซอกบ้าน ซอกมุม นอกจากตามน้องแมวแล้ว เราก็จะได้ดูความเก่าแก่ของบ้านเรือนบนเกาะไปด้วยค่ะ ในส่วนของทางเดินก็เป็นเพียงทางเดินบันไดดินทั่วไป แต่อาจจะเป็นภาพหายากสำหรับในเมืองของญี่ปุ่นก็เท่านั้นเองค่ะ

แมวท่านเจ้าคุณ

และขาลงจากเขา เราก็เจอคุณแมวผู้น่าเกรงขามตัวนี้ค่ะ นอกจากหล่อแล้ว ยังหน้าตาให้อารมณ์เหมือนท่านเจ้าคุณมาก 555 มีความนิ่งและไม่กลัวคน บางครั้งรู้สึกเหมือนโดนยักคิ้วใส่อีกด้วย 555

แมวงีบ

ตัวนี้ก็เกาะตาข่ายนอนอยู่หน้าบ้าน ขนทองละมุนมาก เหมือนนอนอยู่ในเปลเลย

แต่ดูท่าจะมีความสุขกับการนอนได้ไม่นาน ก็มีแก๊งแมวอีกหลายตัวมาแย่งที่นอนเสียแล้ว แต่ละตัวนี่พี่บิ๊กพี่เบิ้มทั้งน้านนน น่าอุ้มเล่นมากๆ แถมไม่ต้องกลัวว่าจะหนีไปไหน คือไม่กลัวคนเลย อารมณ์แบบ ฉันคือแมวเจ้าของเกาะแห่งนี้ มนุษย์มาแล้ว ต้องคารวะ อิ อิ

แมวเจ้านาย

มีความบอสมากค่ะตัวนี้ เดินตามกันอยู่นานก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกที

เดินตามแมวหรือแมวเดินตามกันมาก็ไม่รู้ จนถึงท่าเรือ เราก็มารอเวลาเรือออกกันค่ะ ซึ่งแถวๆ นั้นก็มีประภาคารที่สามารถขึ้นไปดูได้ด้วยนะคะ เพราะแถบนี้มีเกาะน้อยใหญ่ที่มองเห็นถึงอีกฝั่งได้

ระหว่างรอเรือที่ศาลาท่าเรือ ก็มีน้องแมวมาแวะเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย ขนาดที่ว่ามานั่งคุยกันเป็นวรรคเป็นเวร แต่ละตัวก็สวยและร่าเริงมากจนไม่อยากไปไหนไกลเลย น่ารักเกินไปแล้ว! เป็นเกาะที่ทาสแมวต้องมาให้ได้เลยค่ะ

สามารถชมความน่ารักของน้องแมวเพิ่มเติมได้จากวิดีโอเลยนะคะ

ส่งท้าย

หลังจากนั่งเรือพักใหญ่ ต่อรถไฟเข้าเมือง กว่าจะกลับถึงตัวเมืองเซนไดก็ประมาณ 6 โมงเย็นล้ว เรียกได้ว่าถ้าจะไปหาทูลหัวของบ่าวก็ต้องใช้เวลาทั้งวันกันเลยค่ะ และถ้าเพื่อนๆ อยากเที่ยวตามพิพิธภัณฑ์การ์ตูน เมืองการ์ตูนและสถานที่ท่องเที่ยวแถวนั้นด้วย ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การเดินทางค่ะ

สำหรับวันนี้เราก็ขอลาไปก่อน คราวหน้าเราจะเข้าเมืองเซนไดกันแล้วนะคะ สวัสดีค่าาา

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] ลิ้นวัวย่าง (Gyutan Yaki) อาหารขึ้นชื่อของเมืองเซนได (Sendai) มาถึงถิ่นแล้วต้องลอง!

เทียบราคาโรงแรมที่พักในเซนได


บทความเที่ยวเซนได (Sendai) ดูทั้งหมด »

• เมืองเซนได
• แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com