วันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องลือของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งมานำเสนอให้เพื่อนๆ ได้เที่ยวกันอีกเช่นเคย โดยเราจะพาไปเที่ยวทะเลสาบที่รังสรรค์โดยธรรมชาติอย่างทะเลสาบบนปากกล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater) ซึ่งได้รับขนานนามว่า “ทะสาบห้าสี” แห่งจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) อันเป็นภูมิภาคที่มีความสวยงามด้านธรรมชาติที่โดดเด่นมากๆ เพราะมีภูเขาไฟน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาค ทำให้เกิดเป็นความงามอันเหลือเชื่อมากมายเลยค่ะ
เกี่ยวกับปล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater)
สาระและเกร็ดน่ารู้
ปล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater / 御釜) ตั้งอยู่บนเทือกเขาซาโอะ (Mount Zao) ในเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดมิยางิ (Miyagi) และจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) รอบๆ รายล้อมด้วยภูเขา 3 ลูก ได้แก่ ภูเขาคัตตะดาเกะ (Mount Kattadake) (ความสูง 1,758 เมตร), ภูเขาคุมาโนะดาเกะ (Mount Kumanodake) (ความสูง 1,841 เมตร) และภูเขาโกชิกิดาเกะ (Mount Goshikidake) (ความสูง 2,038 เมตร)
ทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater Lake) ตั้งอยู่บนความสูง 1,670 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีความลึกอยู่ที่ 27 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 325 เมตร และเส้นรอบวงขนาด 1,080 เมตร แท้จริงแล้วในปี ค.ศ 1939 สามารถวัดความลึกได้ถึง 63 เมตร แต่เนื่องจากการปะทุของภูเขาไฟและการพังทลายของพื้นที่รอบๆ ทำให้ปัจจุบันเหลือความลึกเพียง 27 เมตรเท่านั้น
ที่มาของชื่อ “โอคามะ (Okama)” มาจากรูปร่างที่คล้ายหม้อต้ม จึงมีชื่อเรียกว่า “โอคามะ (Okama)” นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอีกว่า “โกะชิคินุมะ (Goshikinuma)” ซึ่งแปลได้ว่า “บ่อน้ำ 5 สี” เนื่องจากน้ำในทะเลสาบที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามแสงแดดที่ตกกระทบในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาชมความงามของทะเลสาบได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจุดที่สามารถชมวิวทะเลสาบได้สวยงามก็อยู่บนภูเขาคัตตะดาเกะ (Mount Kattadake)
วิธีการเดินทางมาโอคามะ (Okama Crater)
รถยนต์ส่วนตัว
- ขับรถจากตัวเมืองเซนได จังหวัดมิยางิ ใช้เวลาประมาณ 73 นาที (โดยทางด่วน)
- ขับรถจากตัวเมืองยามากาตะ ใช้เวลาประมาณ 53 นาที (โดยทางด่วน)
- หมายเหตุ:
- จอดรถได้ที่ Zao Kattadake Sancho Parking Lot
- มีค่าผ่านทางในเส้นทาง Zao High Line 550 เยน/คัน
- มีการปิดเส้นทางในฤดูหนาวตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน
รถประจำทาง
เส้นทางที่ 1 (สำหรับคนที่มาทางฝั่งมิยางิ)
จากสถานี Shiroishi Zao หรือ Shiroishi ให้นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Zao Togatta Sancho (蔵王遠刈田山頂) (ป้ายสุดท้าย)
- สายรถบัส: Zao High Line (蔵王ハイライン)
- ค่าโดยสาร: ค่าโดยสาร: 1,960 เยน
- ระยะเวลาเดินทาง: ประมาณ 90 นาที (มีรถ 1 เที่ยวต่อวัน)
- ช่วงเวลาให้บริการ: วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ช่วงปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤศจิกายน
[ดูตารางเวลารถบัสปี 2023]
เส้นทางที่ 2 (สำหรับคนที่มาทางฝั่งยามากาตะ)
จากสถานี Yamagata ป้ายรถบัสที่ 1 ให้นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Togatta Sancho (遠刈田山頂)
- สายรถบัส: Z91
- ค่าโดยสาร: 2,050 เยน
- ระยะเวลาเดินทาง: ประมาณ 100 นาที (มีรถ 1 เที่ยวต่อวัน)
- ช่วงเวลาให้บริการ:
- ช่วงปลายเดือนเมษายน-สิ้นเดือนกรกฎาคม ให้บริการเฉพาะวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด
- ช่วงต้นสิงหาคม-ปลายเดือนตุลาคม ให้บริการทุกวัน
[ดูตารางเวลารถบัส]
เส้นทางที่ 3 (สำหรับคนที่มาทางฝั่งยามากาตะ)
จาก Kaminoyama Onsen ให้นั่ง Shuttle Bus ฟรี มาลงที่ป้าย Togatta Chushajo (遠刈田駐車場)
(※ป้ายรถบัสต้นทางอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ หน้าศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว Kaminoyama Onsen Sightseeing Information Center)
- สายรถบัส: Green Echo (グリーンエコー号)
- ค่าโดยสาร: ฟรี
- ระยะเวลาเดินทาง: ประมาณ 60 นาที (มีรถ 2 เที่ยวต่อวัน)
- ช่วงเวลาให้บริการ: ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤศจิกายน
[ดูตารางเวลารถบัสปี 2023]
กระเช้าลอยฟ้า
จาก Zao Onsen ให้นั่งกระเช้าลอยฟ้า Zao Ropeway ขึ้นมายังสถานี Jizo Sancho ที่อยู่ด้านบน
- ค่าโดยสาร: เที่ยวเดียว 1,800 เยน, ไปกลับ 3,500 เยน
- ระยะเวลาเดินทาง: นั่งกระเช้าประมาณ 10 นาที และเดินต่ออีกประมาณ 45 นาที
- ช่วงเวลาให้บริการ: 1 เมษายน – 10 ธันวาคม (8:30 – 17:00 น.)
[ดูข้อมูลเพิ่มเติม]
แชร์ลิฟต์
จากจุดจอดรถ Katta Pass Parking Lot ให้นั่งแชร์ลิฟต์ Zao Katta Chairlift ขึ้นมายังสถานีด้านบน
※สามารถขับรถหรือนั่งรถ Shuttle Bus ฟรี (สาย Green Echo) มาลงที่นี่ได้
- ค่าโดยสาร: เที่ยวเดียว 800 เยน, ไปกลับ 500 เยน
- ระยะเวลาเดินทาง: นั่งแชร์ลิฟต์ประมาณ 8 นาที และเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
- ช่วงเวลาให้บริการ: ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤศจิกายน (9:00 – 16:00 น.)
[ดูข้อมูลเพิ่มเติม]
แนะนำพาสเที่ยวโทโฮคุ
รีวิวชมทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater)
ความงามของทะสาบห้าสีบนปากปล่องภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ
เนื่องจากการเดินทางมาชมทะเลสาบปล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater) สามารถเดินทางมาได้จาก 2 ฝั่ง คือทางจังหวัดยามากาตะและจังหวัดมิยางิ ในรีวิวนี้เราเลือกการเช่ารถขับจากฝั่งมิยางิมายังจุดชมวิวบนยอดเขาคัตตะดาเกะ (Mount Kattadake) [ดูแผนที่] เพราะอยากลองใช้เส้นทาง Zao High Line ค่ะ
เราเริ่มต้นขับรถมาจากเมืองเซนได มาทางเส้นทาง Zao Echo Line [ดูแผนที่] ซึ่งเป็นถนนที่ตัดผ่านเทือกเขาซาโอะ โดยเชื่อมระหว่างระหว่างจังหวัดมิยางิและจังหวัดยามากาตะ และยังเป็นถนนที่สามารถชมวิวได้อย่างสวยงามอีกด้วยค่ะ ถ้าหากมาในฤดูใบไม้ร่วง เราก็จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี และถ้าหากมาช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราก็จะได้เห็นกำแพงหิมะซึ่งเกิดจากหิมะที่ทับถมกันในฤดูหนาวอีกด้วยค่ะ
วิวธรรมชาติสองข้างทางถนน
ตลอดเส้นทางเราสามารถชมธรรมชาติของสองข้างทางได้ไม่มีเบื่อ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจของเส้นทาง Zao Echo Line นั่นเองค่ะ ยิ่งเข้าใกล้ภูเขาไฟต้นไม้ที่เคยสูงตระหง่านจะค่อยๆ ลดความสูงเหลือเพียงต้นไม้เตี้ยๆ ไปจนถึงต้นไม้พุ่มที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม สีแดง และบางส่วนยังเป็นสีเขียวบ้างประปราย
นอกจากวิวสองข้างทางที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว อุณหภูมิด้านนอกก็ค่อยๆลดลงตามความสูงที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง สำหรับสายถ่ายรูปไม่ควรพลาดเส้นทางนี้ค่ะ ทว่านักท่องเที่ยวไม่ควรจอดรถข้างทางเพื่อถ่ายรูป เนื่องจากอาจจะเป็นอันตรายแก่ผู้เดินทางอื่นๆ นะคะ
ตั๋วผ่านเส้นทาง Zao High Line 550 เยน
เมื่อใกล้ถึงยอดเขาคัตตะดาเกะ (Mount Kattadake) เราจะต้องใช้เส้นทาง Zao High Line [ดูแผนที่] ที่แยกมาจากเส้นทาง Zao Echo Line โดยจะมีด่านเก็บค่าผ่านทางอยู่ ควรเตรียมเหรียญหรือธนบัตรเอาไว้ให้พร้อมค่ะ เมื่อผ่านประตูมาแล้ว เราจะได้บัตรผ่านหน้าตาแบบนี้ค่ะ
จากจุดนี้ขึ้นไปเราจะไม่เจอต้นไม้แล้วนะคะ เราจะเจอแค่หญ้าที่คลุมพื้นที่บนยอดเขา คล้ายกับเราขับกำลังรถอยู่บนฟ้า และในระดับที่สูงขี้นไปอีก ค่อนข้างเสียว แนะนำให้ขับด้วยความระมัดระวังค่ะ ในฤดูหนาวเส้นทางนี้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะทั้งหมด และจะมีการปิดถนน นักท่องเที่ยวกรุณาตรวจสอบช่วงเวลาเปิด-ปิดเส้นทางก่อนเดินทางนะคะ
หมายเหตุ: Zao High Line จะปิดเส้นทางช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนเมษายน
ทางเดินบนเขา
จากจุดจอดรถ Zao Kattadake Sancho Parking Lot [ดูแผนที่] ตรงบริเวณยอดเขา เราสามารถเดินชมบรรกายกาศได้ตามสะดวกเลยค่ะ แนะนำว่าควรใส่รองเท้าที่สะดวกต่อการเดินบนเขาด้วยนะคะ หากเดินตรงมาจากจุดจอดรถประมาณ 500 เมตร จะเจอทางเดินไปยังจุดชมวิวปล่องภูเขาไฟ โดยมีรั้วล้อมรอบเอาไว้ เพื่อให้เราเดินในระยะปลอดภัยและไม่ลื่นลงเนินไปเสียก่อนค่ะ
นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางเดินเขาที่เราสามารถเดินรอบๆ ปล่องภูเขาไฟได้ค่ะ แต่ด้วยระยะทางค่อนข้างไกลนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินรอบๆ มักจะเป็นสายเดินป่าค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปจะนิยมไปชมโซนด้านหน้าซึ่งเป็นจุดชมวิวยอดนิยมมากกว่า
ทางเดินรอบๆ โอคามะ
จากจุดเริ่มต้นขวามือจะเป็นศาลเจ้า Enkishikinaisha Zaokattamine Shrine [ดูแผนที่] อยู่ไกลลิบสุดสายตา หากมีเวลาก็แนะนำให้เดินไปถ่ายรูปไปได้ไม่ต่ำกว่า 100 รูปแน่นอน
ส่วนด้านซ้ายมือเป็นเส้นทางเดินไปยังจุดชมทะเลสาบปล่องภูเขาไฟโอคามะ จากตรงนี้เราไม่สามารถเดินเข้าไปในรั้วได้ แนะนำให้เดินลัดเลาะไปตามแนวรั้วค่ะ ระยะทางเดินมากกว่า 1 กิโลเมตรแน่นอน จากจุดนี้เราจะอยู่ห่างจากปากปล่องภูเขาไฟจริงไกลมากกก เพราะเป็นการมองจากเขาอีกลูกหนึ่งไปยังอีกลูกหนึ่งค่ะ
วิวทะเลสาบ
นอกจากวิวทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟแล้ว เรายังสามารถชมความสวยงามของทิวเขาที่มีสีสันหลากหลายสลับตัดกันอีกด้วยค่ะ แน่นอนว่ามีเส้นทางที่เราสามารถเดินไปถึงจุดนั้นได้ แต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลาทั้งวัน แอดขอชมจากตรงนี้ดีกว่าค่ะ อิ อิ
เห็นชิลๆ อย่างนี้ แต่จริงๆ หนาวมาก
จากความสูงกว่า 1,670 เมตรจากระดับน้ำทะเลทำให้อุณหภูมิด้านบนหนาวกว่าภาคพื้นมากๆ บางครั้งอาจจะต่างกันเกือบ 10 องศา อีกทั้งลมก็แรงมาก ทำให้รู้สึกหนาวจนหูชา หน้าชา เหมือนแช่ในน้ำแข็งเลยทีเดียว แนะนำให้เพื่อนๆ พกเสื้อตัวนอก ที่กันลมได้ไปเพิ่มอีกหนึ่งตัว หรือไม่ก็เสื้อขนเป็ดสักตัวจะดีมากถ้าหามาในช่วงฤดูที่มีอากาศเย็นค่ะ
ในตอนที่เรามานี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตอนกลางเดือนตุลาคม ที่เห็นเราเดินชิลๆ เหมือนไม่หนาวในความจริงคือ หนาวมากและเกร็งไปทั้งตัวแล้วววจ้า แต่มีข้อดีของการมาเที่ยวในช่วงนี้คือคนน้อยค่ะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถ่ายรูปสวยทุกมุมจริงๆ บางมุมจะเหมือนเราถ่ายแล้วเหมือนยืนอยู่บนฟ้าด้วยนะคะ เลิศมากกก
เนื่องจากอากาศหนาวมากประกอบกับเสื้อผ้าอันเบาบางของแอดมินและผองเพื่อน หลังจากถ่ายรูปกันแบบมาราธอนก็แทบจะวิ่งกลับเข้าอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแทบไม่ทันค่ะ หนาวจนตัวแดง หน้าแดง มือแดงกันทุกคนเลย
ที่เราก็ด้านในอาคาร Zao Mountain Top Rest House (蔵王山頂レストハウス) [ดูแผนที่] มีตู้กดน้ำอัตโนมัติ ที่นักพักผ่อน เราสามารถซื้อเครื่องดื่มร้อนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นกันได้นะคะ เอาเครื่องดื่มอุ่นๆ มาถือไว้ให้มือหายเย็นมีอยู่จริง ใครที่ไปญี่ปุ่นหน้าหนาวต้องเคยทำ (เราก็ทำนะคะ อิ อิ)
ส่งท้าย
สำหรับท่านใดที่อยากมาเที่ยวทะเลสาบปล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater) พร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำเป็นช่วงประมาณปลายเดือนกันยายนจนถึงปลายเดือนตุลาคม หากใครที่เป็นคนขี้หนาวมากๆ แนะนำให้พกถุงแปะทำความร้อน (Kairo) มาด้วย ก็จะช่วยได้เยอะค่ะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า
เทียบราคาโรงแรมที่พักในเซนได
บทความเที่ยวมิยางิ (Miyagi)
เที่ยวเมืองเซนได
- วิธีการเดินทางจากโตเกียวไปเซนได (Tokyo → Sendai)
- [รีวิว] JR Sendai Station สถานีหลักของเมืองเซนได พร้อมแนะนำร้านค้าต่างๆ
- [รีวิว] เที่ยวเมืองเซนได 1 วัน ชมใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาทเซนได (Sendai Aoba Castle)
- [รีวิว] ลิ้นวัวย่าง (Gyutan Yaki) อาหารขึ้นชื่อของเมืองเซนได มาถึงถิ่นแล้วต้องลอง!
- [รีวิว] Kyou Bar Lounge & Inn โรงแรมริมแม่น้ำ ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เซนได
เที่ยวนอกเมือง
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com