[รีวิว] การเดินทางเซนได-ยามาเดระ (Sendai – Yamadera) จ.ยามากาตะ (Yamagata)

วันนี้แอดมินอยากจะพาทุกคนออกเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ที่วัดบนเขาในเมืองยามาเดระ (Yamadera) ของจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ซึ่งมีชื่อว่า “วัดยามาเดะระ (Yamadera Temple)” เป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นค่ะ การเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยากเลยค่ะ จะมาจากในตัวจังหวัดยามากาตะเองก็ได้ หรือจะนั่งรถไฟจากเมืองเซนไดในจังหวัดมิยางิก็ได้เช่นกันค่ะ เพราะอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุเหมือนกัน ใช้เวลาเดินทางไม่นาน สามารถไปกลับจากเซนไดได้ภายใน 1 วันค่ะ

วิธีเดินทางมายามาเดระ (Yamadera)

เราสามารถเดินทางมายังเมืองยามาเดระ (Yamadera) ได้จากหลากหลายสถานที่ โดยมีเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมี 2 เส้นทาง ได้แก่

• Yamagata – Yamadera: นั่งรถไฟสาย JR Zensan Line จากสถานี Yamagata ของเมืองยามากาตะมาลงที่สถานี Yamadera station (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
• Sendai – Yamadera: นั่งรถไฟสาย JR Zensan Line จากสถานี Sendai ของเมืองเซนไดมาลงที่สถานี Yamadera (ใช้เวลาประมาณ 60 นาที)

แนะนำพาสเที่ยวโทโฮคุ

รีวิวการเดินทางจาก Sendai – Yamadera

จากข้อมูลเบื้องต้นนี้คาดว่าทุกท่านน่าจะออกแบบการเดินทางให้เหมาะสมกับแผนการท่องเที่ยวของตนเองได้อย่างดีแน่นอน ส่วนตัวแอดมินมาเที่ยวที่เมืองเซนได จึงขอเริ่มต้นการเดินทางเริ่มตั้งแต่สถานี JR Sendai โดยนั่งรถไฟสาย JR Zensan Line ซึ่งเป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองเซนไดและยามากะตะ โดยปกติราคาตั๋วจากสถานี Sendai – Yamadera อยู่ที่ 860 เยนต่อเที่ยว (อัปเดตราคาปี 2025) แต่แอดมินแนะนำให้ซื้อตั๋วแบบไป-กลับ (ตั๋วมีอายุการใช้งาน 1 เดือน)

ตั๋ว Double Ticket (Ｗ（ダブル）きっぷ) เส้นทาง Yamagata – Sendai (สุดสาย) เป็นตั๋วนรถไฟ 2 ใบ มีทั้งขาไปและขากลับ สามารถซื้อได้ที่สถานีในราคา 1,560 เยน (อัปเดตราคาปี 2025) ประหยัดกว่าราคาต่อเที่ยวปกติ หากชำระในราคาแบบไม่เหมาจ่ายอยู่ที่ 1,720 เยน ตั๋วรถไฟขาไปคือตั๋วที่โดนเจาะรูคือด้านบนขวา และต้องเก็บอีกใบที่ยังไม่ได้เจาะรู้เอาไว้ใช้สำหรับขากลับค่ะ แนะนำให้นักท่องเที่ยวเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเงิน ไม่ควรเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเนื่องจากอาจจะทำให้ได้ง่ายค่ะ

ชานชาลาของรถไฟสาย Zensan Line ที่มุ่งหน้าสู่ Yamagata (山形) จากป้ายจะอยู่ชานชาลาที่ 7 ค่ะ นอกจากเลขของชานชาลาแล้วต้องตรวจสอบเวลาให้ชัดเจน เนื่องจากสถานีเซนไดรถไฟหลายสายใช้ชานชาลาร่วมกันกับเส้นทางอื่นด้วยค่ะ

การดูชานชาลาในสถานีรถไฟไม่ยากค่ะ แนะนำให้ดูสีขบวน หมายเลขชานชาลา และชื่อสายรถไฟค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเลขติดกันเช่น ชานชาลาที่ 7·8 เป็นรถไฟสาย Zensan Line โดยสองชานชาลาจะเป็นรูทการวิ่ง ชานชาลาที่ 7 คือขาออกจากสถานี Sendai และชานชาลาที่ 8 เป็นขาเข้า (ออกจากสถานี Yamagata) นั่นเองค่ะ

หน้าตารถไฟที่เราต้องนั่งไปค่ะ เป็นรถไฟธรรมดาคล้ายๆ กับรถไฟในเมืองใหญ่ ต่างกันที่ลักษณะเก้าอี้จะเป็นแบบนั่งคู่มีทั้งแบบหันหน้าเข้าหากัน และแบบหันหน้าไปทางเดียวกัน รถไฟจะเปิดประตูทิ้งไว้จนกว่าจะใกล้เวลาออก ส่วนใหญ่จะเจอในภูมิภาคที่อากาศหนาวกว่าปกติ คนที่ไปเป็นกลุ่มอาจจะต้องนั่งแยกหากขึ้นไปช้าหรืออาจจะต้องนั่งชนเข่ากับชาวบ้านที่เราไม่รู้จักค่ะ ควรรีบขึ้นไปจองที่ดีๆ ไว้ก่อนค่ะ

ระหว่างทางได้ชมวิวภูเขาที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับสุนทรียภาพให้ชีวิตการท่องเที่ยวได้ตลอดทาง วิวใบไม่เปลี่ยนสีนอกหน้าต่างรถไฟมีวิวแบบนี้ให้ชมตลอดทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะหลับเลย ภูมิภาคโทโฮคุนี่เขาดังเรื่องแนวภูมิประเทศที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วงอยู่แล้ว อีกทั้งในวันก่อนหน้านั้นมีหิมะตกด้วย บางครั้งเราก็จะเห็นอะไรขาวๆเป็นกองอยู่แถวๆ ในป่าหรือข้างทางด้วยค่ะ

นั่งชมวิวไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 50 นาที ในที่สุดก็มาถึงสถานี Yamadara เราก็จะเห็นภาพแบบนี้ตั้งแต่เราอยู่บนรถไฟค่ะ และสิ่งปลูกสร้างด้านบนนั้นคือสถานที่ที่เราจะไปกันค่ะ อยู่บนเขาสูงพอสมควรค่ะ และแน่นอนว่าไม่มีทางรถขึ้นเขา เดินขึ้นอย่างเดียว สาวๆ ที่ใส่ส้นสูงอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นผ้าใบในวันที่มาเที่ยวนะคะ

จากรีวิวคือช่วงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2016 ค่ะ ในวันที่เราไป ก็มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและต่างชาติประปราย เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูและยังเป็นวันธรรมดา แม้จะยังไม่ถึงช่วงที่เปลี่ยนสี 100% แต่คนก็มามากพอสมควรเลย ทางออกสถานีค่อนข้างแคบ ต้องทยอยออกจากสถานี แนะนำให้ดูว่าตู้รถไฟที่ใกล้ทางออกอยู่ใกล้ตู้ไหนก็แนะนำให้นั่งโบกี้นั้น จะได้เดินออกก่อนค่ะ

ตอนที่แอดมินเดินทางมา สถานี Yamadera นั้นไม่มีประตูตอกตั๋วแบบในเมือง เป็นกึ่งอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมือ คนที่ใช้ IC Card สามารถแตะบัตรที่ตู้ตอกบัตร (จะคล้ายๆ ตู้ ATM) คนที่ถือตั๋วแบบเรา สามารถยื่นให้เจ้าหน้าที่ขอสถานีได้เลยค่ะ โดยไม่ต้องสอดบัตรออก ยังเป็นระบบคนทำงานค่ะ ให้ความรู้สึกแบบชนบทอีกแบบ

ในส่วนของตู้ขายตั๋วและเติมเงินเพียงหนึ่งเดียวของสถานีนั้นก็เชิญได้ที่ตรงนี้เลยค่ะ สำหรับคนที่ซื้อตั๋วแบบขาเดียวก็ต้องมาซื้อตั๋วที่ตู้นี้ แต่ว่าคนที่ใช้ IC Card สามารถใช้บัตรได้เลย สำหรับคนที่ไม่มี IC Card จึงแนะนำให้ซื้อตั๋วไป-กลับเอาไว้ตั้งแต่แรก ทำให้เราสะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องไปต่อแถวซื้อบัตร

หน้าตาสถานี Yamadera จากด้านหน้าค่ะ ด้วยความที่เป็นต่างจังหวัดและเป็นสถานีวัดภูเขา ตัวสถานีจึงมีความน่ารักในบรรยากาศแบบเดียวกับบรรยากาศโดยรอบ ก็ตามแบบวัดค่ะ ด้านบนสถานียังมีหอคอยด้านบนด้วยอ่ะ มีความเป็นญี่ปุ่นมาก

เมื่อมาถึงสถานีแล้วแนะนำให้ทุกท่านดูแผนที่รอบๆ สถานีและตัววัดยามาเดระอย่างละเอียดก่อนจะเดินจริงนะคะ เราจะได้รู้ว่าเราเดินทั่วเขาจริงๆ ส่วนเรานั้นอยู่ด้านล่างสุดต้องค่อยๆเดินขึ้นไปข้างบนค่ะ สำหรับคนที่ชอบสถานีโบราณหรือสนใจประวัติศาสตร์ต่างๆ จะชอบจุดนี้มากค่ะ

ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ก็มีร้านรวง 2 ข้างทาง ส่วนใหญ่เป็นของทานเล่นที่ซื้อเก็บเอาไว้ได้ ทานระหว่างทางได้ พวกร้านขายขนม อาหาร ของว่าง ที่วางขายส่วนใหญ่เป็นของที่แต่ละครัวเรือนทำกันเอง ให้ความรู้สึกของความเป็นญี่ปุ่นแบบชนบทดีค่ะ

สำหรับคนที่ไม่อยากขึ้นไปที่สูง เราสามารถถ่ายรูปเล่นได้ตามบริเวณรอบๆสถานีรถไฟฟ้า บริเวณโดยรอบเป็นบ้านเรือนของคนทั่วไป เดินเล่นได้ แต่ไม่ควรเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคล แนะนำให้เดินเล่นแถวๆ แม่น้ำค่ะ จะเจอต้นเมเปิ้ลมากที่กำลังเปลี่ยนสีสวยงามมาก

ถัดจากปากซอยหน้าบ้าน (ของใครก็ไม่รู้) เราก็มาพบกับสถานที่ที่อยากพักผ่อนหย่อนใจ อยากปิกนิกใต้ต้นเมเปิ้ลกับเสียงของลำธารเสียเหลือเกิน และเนื่องจากชอบมาก เราจึงอ้อยอิ่งอยู่แถวนี้สักพักค่ะ บรรยากาศริมแม่น้ำจุดนี้สามารถใช้เวลาในการเดินเล่นพอสมควรค่ะ

ยิ่งเราเดินเข้าใกล้ทางขึ้นเขาก็จะเห็นร้านรวงมากขึ้น เป็นสินค้าที่มีความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น ของฝากเล็กๆน้อยๆ ตลอดจนของใช้ส่วนตัวมากมาย ส่วนตัวเราชอบร้านกระเป๋าใส่เหรียญที่มักจะซื้อฝากคนรู้จักบ่อยๆ มีหลายไซส์ตั้งแต่ขนาดเล็กๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่แบบสามารถสะพายเป็นกระเป๋าได้เลย

ส่งท้าย

ทั้งหมดนี้เป็นรีวิวการออกเดินทางตั้งแต่สถานี Sendai จนถึงสถานี Yamadera และบรรยากาศรอบๆ สถานี ในตอนหน้าเราจะพาขึ้นเขาไปยังวัดยามาเดระ (Yamadera Temple) สามารถไปอ่านต่อกันได้เลยนะคะ

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เที่ยววัดยามาเดระ (Yamadera Temple) ชมใบไม้เปลี่ยนสีบนเขาในจังหวัดยามากาตะ