แวะพักจากการชมซากุระ มาเที่ยวชมวัฒนธรรมของจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ที่อยู่ตอนบนสุดของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) กันบ้างนะคะ โดยในรีวิวนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เนบุตะ (Nebuta Museum Wa-Rasse) หรือเทศกาลแห่โคมไฟยักษ์ แล้วต่อด้วยการแวะเติมพลังพร้อมซื้อหาของฝากที่ร้าน A-FACTORY และปิดท้ายเป็นการทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารตรงสถานีรถไฟ Aomori ค่ะ

วิธีการเดินทางมาเมืองอาโอโมริ (Aomori)

Tokyo-Aomori
Hyperdia.com

Tokyo → Shin-Aomori → Aomori

สำหรับคนที่มาจากโตเกียว ก็ให้เริ่มต้นจากสถานี Tokyo หรือ Ueno สามารถนั่งชินคันเซ็น HAYABUSA ยาวมาถึงสถานี Shin-Aomori ใช้เวลาเดินทางประมาณ 180 – 200 นาที (*ขึ้นอยู่กับขบวน) จากนั้นให้ต่อรถไฟธรรมดาสาย JR Ou Line หรือ Limited Express Tsugaru มาลงที่สถานี Aomori ใช้เวลา 5 นาที

Morioka → Shin-Aomori → Aomori

สำหรับคนที่เริ่มต้นจากตัวเมืองโมริโอกะ ก็สามารถนั่งชินคันเซ็น HAYATE หรือ HAYABUSA จากสถานี Morioka มายังสถานี Shin-Aomori โดยใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที (*ขึ้นอยู่กับขบวน) จากนั้นให้ต่อรถไฟธรรมดาสาย JR Ou Line มาลงที่สถานี Aomori ใช้เวลา 5 นาที

หมายเหตุ: ใช้ JR Pass (All area), JR East Pass (Tohoku area), JR East-South Hokkaido Rail Pass ได้ตลอดเส้นทาง

รีวิวเที่ยวอาโอโมริ (Aomori)

ตอนก่อนหน้า เราได้แวะไปชมซากุระที่ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ในตอนเช้ามาก่อน เราจึงเริ่มออกเดินทางมาจากสถานี Hirosaki นะคะ ซึ่งสามารถนั่งรถไฟธรรมดาสาย JR Ou Line หรือรถด่วน Limited Express Tsugaru ก็ได้ ให้ขึ้นขบวนที่มีปลายทางมายังสถานี Aomori ค่ะ

Hyperdia.com

นอกจากนี้ก็ยังมีขบวนพิเศษที่ชื่อว่า Resort Shirakami ซึ่งเป็นรถไฟชมวิว โดยจะมีให้บริการเพียงบางวันเท่านั้น สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของ jreast.co.jp

หน้าตารถไฟ Resort Shirakami (橅(Buna))

ที่นั่งที่ได้นี้เป็นแบบ Box Seat ก็จะไฮโซหน่อย เราสามารถใช้ JR Pass ขึ้นรถไฟขบวน Resort Shirakami และจองที่นั่งได้ฟรีค่ะ ซึ่งในทริปนี้เราก็ใช้ JR East Pass (Tohoku area) ราคา 19,000 เยนค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม » JR EAST PASS (Tohoku area) พาสเที่ยวโตเกียว – โทโฮคุ สุดคุ้มใน 5 วัน

รถไฟออกจากสถานี Hirosaki ตอน 12:52 น. และมาถึงสถานี Aomori ตอน 13:29 ใช้เวลาเดินทาง 37 นาที ค่ะ ซึ่งจะเร็วกว่ารถไฟธรรมดานิดหน่อย ส่วนคนที่นั่งชินคันเซ็นมาก็ต้องมาลงที่สถานี Shin-Aomori ก่อน และก็ต้องต่อรถไฟมายังสถานี Aomori นะคะ

ตัวสถานี Aomori นั้นถือว่าค่อนข้างเล็กเลย และแถวนี้ก็ค่อนข้างเงียบด้วยค่ะ

พอออกจากสถานีที่ประตู East Gate ก็เลี้ยวไปทางซ้ายนะคะ แล้วเดินต่ออีกนิดเดียวก็จะเจอสถานที่แรกที่เราจะพาไปชมแล้วค่ะ

พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วารัสเซ่ (Nebuta Museum Wa-Rasse)

พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วารัสเซ่ (Nebuta Museum Wa-Rasse / ねぶたの家 ワ・ラッセ) เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทศกาลเนบุตะ (Nebuta Festival / ねぶた祭) ซึ่งเป็นเทศกาลแห่โคมไฟตุ๊กตาประจำจังหวัดอาโอโมริที่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับของประเทศญี่ปุ่น

เทศกาลเนบุตะจะมีการจัดงานในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี (วันที่ 2 – 7 สิงหาคม) และโคมไฟที่ใช้แห่จริงในแต่ละปีก็จะนำมาจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ซึ่งสามารถมาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปีค่ะ

  • ค่าเข้าชม:
    • ผู้ใหญ่ 600 เยน
    • เด็ก (มัธยมปลาย) 450 เยน
    • เด็ก (ประถม – มัธยมต้น) 250 เยน
  • เวลาทำการ:
    • พิพิธภัณฑ์เนบุตะ
      • พฤษภาคม – สิงหาคม 9:00 – 19:00 น.
      • กันยายน – เมษายน 9:00 – 18:00 น.
    • ร้านอาหาร
      • พฤษภาคม – สิงหาคม 11:00 – 20:00 น.
      • กันยายน – เมษายน 11:00 – 19:00 น.
    • ร้านขายของที่ระลึก
      • พฤษภาคม – สิงหาคม 9:00 – 19:30 น.
      • กันยายน – เมษายน 9:00 – 18:30 น.

เมื่อเข้ามาด้านในอาคารแล้วก็ให้ขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นจุดซื้อตั๋วเข้าชมและทางเข้าบริเวณที่จัดนิทรรศการค่ะ (เคาท์เตอร์ด้านล่างเป็นที่ซื้อตั๋วสำหรับผู้ที่มาเป็นหมู่คณะ 10 คนขึ้นไป ซึ่งจะมีส่วนลดจากค่าเข้าปกติค่ะ)

ตั๋วเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ก็อยู่ที่ 600 เยนค่ะ

บริเวณทางเข้าด้านในพิพิธภัณฑ์

ส่วนแรกก็เป็นอุโมงค์ Aomori Nebuta Tunnel ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเทศกาลเนบุตะ  รวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างโคมไฟค่ะ

เมื่อลงมาด้านล่างก็เป็นส่วนที่จัดแสดงโคมไฟที่ใช้ในขบวนแห่ของจริงค่ะ ซึ่งมีการจำลองบรรยากาศยามค่ำไว้ด้วย

โคมไฟนี้ทำจากกระดาษให้เป็นรูปตุ๊กตาต่างๆ อย่างเทพเจ้า สวยและอลังการมากๆ โดยขบวนแห่โคมไฟที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีทั้งหมด 4 ขบวนนะคะ

ตรงนี้เป็นตัวอย่างโครงของโคมไฟ นอกจากนี้ก็ยังมีการแสดงอื่นๆ และเวิร์คช็อปตามรอบเวลาอีกด้วยค่ะ

ส่วนบริเวณนี้ก็เป็นประวัติของศิลปินที่ทำโคมไฟค่ะ

ร้าน A-FACTORY

หลังจากชมศิลปะแล้ว ก็ได้เวลาไปช้อปปิ้งซื้อหาของที่ระลึกกันบ้างค่ะ ร้าน A-FACTORY นี้ก็เป็นร้านขายของฝากขนาดค่อนข้างใหญ่ ตั้งอยู่ข้างๆ กับพิพิธภัณฑ์เนบุตะเลยค่ะ นอกจากโซนขายสินค้าแล้ว ด้านในก็ยังมีร้านอาหารให้เลือกลิ้มลองกันอีกด้วยนะคะ

  • เวลาทำการ:
    • A-FACTORY 9:00 – 20:00 น.
    • 1F: Gelato Natura Due 10:00 – 18:00 น. (สั่งก่อน 17:30)
    • 1F: SKIP EGG 11:00 – 18:00 น. (สั่งก่อน 17:30 น.)
    • 1F: OCEAN’S DINER 11:00 – 18:00 น. (สั่งก่อน 17:30 น.)
    • 2F: Galetteria Da Sasino 11:00 – 20:00 น. (สั่งก่อน 19:30 น.)

ด้านในมีขายของฝากซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเมืองอาโอโมริ แน่นอนว่าของขึ้นชื่อของเมืองนี้ก็คือ “แอปเปิ้ล” ค่ะ ซึ่งมีให้เลือกหลายอย่างเลย

ถัดจากโซนขายของฝากก็เป็นร้านอาหารพร้อมที่นั่งทาน

แต่ว่าเรายังไม่หิวก็เลยลองแค่ไอติมแอปเปิ้ลค่ะ ซึ่งหอมอร่อยมากกก ซึ่งก็มีให้เลือกหลายพันธุ์ด้วยนะคะ รสชาติความหวานความเปรี้ยวก็แตกต่างกันไปค่ะ

ห้าง LOVINA

ตรงข้างสถานีรถไฟ Aomori นั้นมีห้าง LOVINA (ラビナ) ตั้งอยู่ค่ะ (ถ้าออกมาจากสถานีก็อยู่ทางขวามือ) ก็แวะเข้าไปเดินเล่นรอเวลาทานมื้อเย็นกันค่ะ ภายในห้างก็มีซูปเปอร์ ร้านขายอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า รวมถึงร้านขายยายอดฮิตอย่าง Matsumoto Kiyoshi ค่ะ

  • เวลาทำการ:
    • 10:00 – 20:00 น.
      (เวลาทำการของแต่ละร้านอาจแตกต่างกันไป)

ร้านอาหาร Tsugaruji

ปิดท้ายทริปเที่ยวเมืองอาโอโมรินี้ด้วยร้านอาหารญี่ปุ่น Washoku Restaurant Tsugaruji (お食事処 つがる路) ซึ่งก็อยู่ตรงด้านหน้าสถานีรถไฟ Aomori เลยค่ะ

  • เวลาทำการ:
    • 11:00 – 21:00 น.
      *ปัจจุบันร้านได้ปิดตัวลงแล้ว (ข้อมูล ณ มีนาคม 2021)

แล้วก็ขอลาไปด้วยปลาฮอกเกะย่างหอมอร่อย คล้ายๆ ปลาช่อนย่างเกลือบ้านเราเลย ส่วนราคาจำไม่ได้จ้า เอิ๊ก~ ส่วนใครที่มาเที่ยวเมืองนี้ตั้งแต่เช้า ก็สามารถไปลองอาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ ได้ที่ตลาดปลาฟุรุคาวะ (Furakawa Fish Market) [ดูแผนที่] ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Aomori เช่นกันค่ะ (วันที่เราไปนั้นตรงกับวันหยุดของตลาดพอดี ก็เลยอดกินค่ะ แต่ว!)

สำหรับในตอนหน้าเราก็จะไปรีวิวซากุระที่เมืองคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) ในจังหวัดอาคิตะ (Akita) กันนะคะ

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เที่ยวคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) ชมซากุระที่หมู่บ้านซามูไร (Samurai District)

เขียนเมื่อ Apr 15, 2019
อัปเดตล่าสุด Mar 12, 2021

เทียบราคาโรงแรมที่พักในอาโอโมริ


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com