วันนี้แอดมินจะพามาเที่ยวในตัวเมืองเมืองเซนได (Sendai) ของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) นะคะ เนื่องจากมีเวลาเที่ยวค่อนข้างจำกัด เราจึงขอแนะนำแพลนเที่ยวเซนได 1 วัน (Sendai 1 Day Trip) ที่รวมเอากิจกรรมยอดนิยมที่หลายคนน่าจะชอบเอาไว้ ทั้งการชมสถานที่สำคัญในเมืองอย่างปราสาทเซนได (Sendai Castle) หรือปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle) และการช้อปปิ้งในย่านดังอย่างย่านอิจิบังโจ (Ichibancho)
เพื่อให้การเดินทางสะดวกและประหยัด เรามีตัวช่วยที่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักกันด้วย นั่นก็คือ รถบัส “Loople Sendai” ที่สามารถพาเราไปเที่ยวรอบเมืองได้ง่าย ๆ ใน 1 วันค่ะ
แนะนำ Loople Sendai รถบัสท่องเที่ยวรอบเมือง
Loople Sendai คืออะไร?
Loople Sendai คือ รถบัสท่องเที่ยวของเมืองเซนได ซึ่งจะจอดตามจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วเมือง เช่น สถานีเซนได ปราสาทเซนได พิพิธภัณฑ์เมืองเซนได ย่านช้อปปิ้ง รวมถึงสวนและวัดต่าง ๆ
จุดขึ้นรถ Loople Sendai ที่สถานี Sendai
ขึ้นรถได้ที่ Bus Stop No.16 West Exit ซึ่งเราจะเจอ Window Ticket อยู่ในบริเวณใกล้กัน
วิธีการโดยสารรถ Loople Sendai
ขึ้นทางประตูกลางและลงทางประตูหน้า ให้โชว์พาสให้คนขับดูตอนลงรถ หรือจ่ายเงินในตอนลงรถ สามารถใช้ IC Card ที่ร่วมรายการ (icsca ,Suica, PASMO) แตะจ่ายเงินตรงเครื่องอ่านก็ได้เช่นกัน
ค่าโดยสารปกติ (ต่อเที่ยว)
- ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) : ราคา 260 เยน
- เด็ก : ราคา 130 เยน
Loople Sendai Pass
Loople Sendai Pass เป็นบัตรรถบัสแบบเหมาจ่าย 1 วัน ที่จะสามารถขึ้นรถบัสที่เข้าร่วมรายการกี่รอบก็ได้ไม่จำกัด ภายในเวลา 1 วัน ถือเป็นตัวช่วยอย่างดีในการประหยัดค่าเดินทางค่ะ สำหรับคนที่จะไปเที่ยวหลายๆ ที่ แนะนำให้ซื้อพาสจะคุมกว่าค่ะ พาสนี้มีให้เลือก 2 แบบ คือ สำหรับขึ้นรถบัสอย่างเดียว หรือสำหรับขึ้นรถบัสและรถไฟใต้ดินค่ะ
ราคา One-Day Loople Sendai Pass
สามารถใช้ได้เฉพาะรถบัส Loople Sendai เท่านั้นไม่สามารถใช้กับรถบัสสายอื่นๆ ในท้องถิ่นได้
- ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป): 630 เยน
- เด็ก: 320 เยน
ราคา One-Day Pass for Loople Sendai Bus and Subway
สามารถใช้ได้เฉพาะรถบัสสาย Loople Bus และรถไฟสาย Tozai Subway Line, Numboku Subway Line เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับรถบัสหรือรถไฟท้องถิ่นอื่นๆ ได้
- ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) : ราคา 920 เยน
- เด็ก : ราคา 40 เยน
ตารางการเดินรถ Loople Sendai
รถเที่ยวแรกออกวิ่งจากสถานี Sendai คือ 9:00 น. และเที่ยวสุดท้าย คือ 16:00 น. ในส่วนของตารางการเดินรถแต่ละเที่ยวนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ตารางรถแบบวันธรรมดา และ ตารางสำหรับวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งรอบรถจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เนื่องจากในวันธรรมดาจะมีรถวิ่งทุกๆ 20 นาที แต่ว่าในวันหยุดจะมีรถวิ่งทุกๆ 15 นาที ฉะนั้นขอแนะนำให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวนอกจากจะเช็กวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว ต้องตรวจสอบว่าเป็นวันหยุดนขัตกฤษด้วยหรือไม่ค่ะ
ตารางเดินรถวันธรรมดา
(อัปเดต 1 กันยายน 2025)
ตารางเดินรถวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
(อัปเดต 1 กันยายน 2025)
ดาวโหลดไฟล์ตารางเดินรถแบบ PDF ได้ที่ » loople-sendai.jp
🔥WEEKLY SALE🔥
3 พ.ย. – 9 พ.ย. 2025
จองทุกกิจกรรมบน Klook กรอกโค้ด JPKAKNOV2
ลดทันที 300.- ขั้นต่ำ 3,500.- จำกัด 50 สิทธิ์
✨ ใช้ได้ทั้งตั๋วเข้าสถานที่ ตั๋วรถไฟ และพาสต่างๆ ✨
※ไม่รวม Tokyo Disneyland
[ดูส่วนลดเพิ่มเติม คลิกที่นี่]
รีวิวการท่องเที่ยวเมืองเซนได (Sendai) ใน 1 วัน
หลายๆ ท่านคงเคยเห็นรีวิวการท่องเที่ยวโดยการใช้รถบัสหรือพาสตัวใดตัวหนึ่งในการเที่ยวอย่างแน่นอน แต่ว่าตัวแอดมินจะลองเที่ยวแบบไม่ใช้พาสใดๆ ใช้นั่งรถไฟธรรมดา และที่เหลือเดินเท้าค่ะ มาดูกันว่าจะใช้ได้มั้ย อิ อิ นำไปประกอบการตัดสินใจได้ดีค่ะ
ส่วนตัวเราเริ่มจากสถานี Sendai โดยที่แรกที่จะไปคือ Aoba Castle หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sendai Castle ปราสาทเก่าแก่ของเมืองเซนไดที่ถูกเผาทำลายไปแล้ว แต่ว่ายังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายๆ คนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังสามารถชมวิวด้านบนได้อีกด้วย การเดินทางโดยรถไฟนั้นสามารถเดินทางจาก สถานี Sendai – สถานี International Center โดยใช้รถไฟใต้ดินสาย Tozai Line (*สามารถใช้ One-Day Pass for Loople Sendai Bus and Subway ได้)
ส่วนตัวเราไม่ได้ใช้พาสใดๆ ก็เดินทางแบบธรรมดา ราคา 210 เยนค่ะ (ใช้ IC Card หรือซื้อตั๋วรถไฟธรรมดาได้)
ซึ่งรถใฟสาย Tozai Line จะมีสีประจำสายคือสีฟ้าค่ะ พอเดินมาถึงชานชาลาแล้วก็มองที่เสาที่เขียนลำดับสถานีเอาไว้ค่ะ จะได่ขึ้นไม่ผิดฝั่ง ซึ่งฝั่งที่เราจะขึ้นคือ for Yagishima Zoologocal Palk ตรงชานชาลาหมายเลข 4
5 นาทีผ่านไปเราก็มาถึงสถานี International Center แล้วค่ะ ทิศทางที่เราจะต้องไปคือ Site of Sendai Castle ให้ออกตรงทางออก South Exit 1
International Center Station
หน้าตาสถานีรถไฟค่ะ คงดูไม่เหมือนสถานีรถไฟเท่าไหร่ ออกแนวพิพิธภัณฑ์เสียมากกว่า แต่ทางออกด้านนี้จะอยู่ในบริเวณของ Sendai International Center เลยค่ะ ฉะนั้นออกมาจากสถานีแล้ว เราก็จะอยู่ในบริเวณของ Center ทันที
จากนั้นเราก็เริ่มเดินชมใบไม้แดงจากตรงนี้ ทำให้เราสามารถชมใบไม้แดงได้ตลอดทางจนถึงปราสาท และสำหรับคนที่อยากเที่ยวพิพิธภัณฑ์ Sendai City Museum ก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ และใครที่คิดว่าซื้อพาสกันเอาไว้ดีกว่า เราก็แนะนำ One-Day Pass for Loople Sendai Bus and Subway ค่ะ เพราะสามารถขึ้นได้ทั้งรถไฟและรถบัส ช่วยประหยัดเวลาในการรอรถบัสได้มากทีเดียวค่ะ
เดินๆ ไปก็อย่าลืมดูป้ายบอกทางนะคะ ใครอยากแวะเที่ยวที่ไหนก็สามารถแวะได้เลย คนที่มีเวลามากหน่อยก็สามารถแวะได้ทุกที่ อิ อิ อีกทั้งถือว่าเป็นการเดินเล่นค่ะ อยู่ญี่ปุ่นเดินวันละ 2-3 กม. ถือว่าเป็นระยะทางที่กำลังสุขภาพดี (เหรอออ?)
Sendai International Center
เดินเล่นชมนกชมไม้ได้สักพักเราก็จะเจอ Sendai International Center [ดูแผนที่] ซึ่งจะมีการจัดอีเวนท์ต่างๆ ที่ให้ความรู้หรือการจัดการอบรมต่างๆ ก็จะจัดขึ้นที่นี่ด้วยค่ะ ในวันที่เราไปมีการจัดงานเกี่ยวกับการอบรมของคนที่เรียนหรือสอบเป็นอาจารย์ด้วย
เดินเลย Center มาแล้วจะเจอป้ายแบบนี้ค่ะ เราใกล้ความจริงแล้ว Site of Sendai Castle หรือบริเวณปราสาทเซนไดก็อยู่ไม่ไกลแล้ว อิ อิ
แต่สำหรับคนที่อยากไปเที่ยว Sendai City Museum [ดูแผนที่] อาจจะต้องเดินไกลหน่อยนะคะ แต่ว่าส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณเดียวกันหมดเดินถึงกันค่ะ เดินแค่ประมาณ 5-10 นาทีก็ถึงแล้ว
ทางเดินที่ติดบริเวณทางขึ้นปราสาทก็ยังมีทัศนียภาพของใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมตลอดทางเลยค่ะ ส่วนตัวเราชอบใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่มาก เพราะมีต้นเมเปิ้ลกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ไม่เหมือนกับทางภูมิภาคคันโตแถบโตเกียว ที่ส่วนใหญ่จะเป็นต้นแปะก๊วยใบสีเหลืองค่ะ สีสันก็จะสวยกว่าเป็นพิเศษอีกด้วย
ลัดเลาะมาตามถนน เราก็เจอลานกว้างที่เชื่อมต่อกับถนนขึ้นดอย (บริเวณทางขึ้นปราสาท) จะมีจักรยานให้เช่ารายวันค่ะ แต่ต้องมีบัตรที่เขากำหนดไว้ เพราะการจ่ายเงินเป็นระบบแตะบัตรหลังจักรยาน แต่งานนี้เราพกมาแค่บัตร Suica ซึ่งใช้ไม่ได้กับจักรยานนี้ (เสียใจ T T)
บริเวณปากทางเข้าทางเดินเล่นสวนที่เชื่อมกับทางขึ้นของปราสาทเซนไดสวยงามมากจริงๆ
Sendai Castle (Aoba Castle)
เดินทะลุลานเมื่อสักครู่เราจะเจอทางขึ้นไปยังบริเวณปราสาทค่ะ ซึ่งก็คือทางขึ้นเขาดีๆ นี่เอง แต่จะมีแผนที่ทางเดินเอาไว้ ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ อีกทั้งมีคนญี่ปุ่นหลายคนเดินขึ้นเป็นเพื่อนอีกด้วย แน่นอนว่ามีทางเดินเท้าที่ควบคู่ไปกับทางเดินรถค่ะ จุดนี้สำหรับคนที่นั่งรถมาอาจจะไม่ได้ซึมซับตรงนี้เท่าไหร่ แต่คนที่เดินขึ้นแต่ตั้งข้างล่างจะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีไปตลอดทางจนถึงบนเขา จะรู้สึกว่ามีอะไรให้ดูมากกว่าค่ะ
ใกล้ถึงปลายทางแล้วค่ะ ด้านหน้าของเราจะเห็น Loople Bus ด้วย ซึ่งจะไปจอดป้ายหน้าบันไดปราสาทเลยค่ะ คนที่ขี้เกียจไม่มีเวลามาก หรือไม่สะดวกเดินก็สามารถนั่งรถบัสขึ้นมาได้นะคะ
ส่วนตัวเราน้านนน เดินทางมาด้วยกำลังขาของตนเอง เมื่อถึงตีนฐานปราสาทก็แชะภาพไว้เสียหน่อย จะใหญ่แค่ไหนกันเชียว…แต่ก็อย่างที่เห็นค่ะ สูงกี่เมตรก็ไม่รู้ 555 เอาล่ะค่ะ ขึ้นไปขางบนกันดีกว่า (แต่ไม่ปีนนะ!)
ด้านบนกำแพงหินที่เป็นที่ตั้งของปราสาทเซนได (Site of Sendai Castle) หรือที่เรียกว่าปราสาทอาโอบบะ (Aoba Castle) [ดูแผนที่] นั้นก็มีสภาพเช่นนี้ค่ะ เนื่องจากว่าตัวปราสาทจริงๆ นั้นได้ถูกทำลายไปแล้วและไม่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่เหมือนกับปราสาทบางแห่งของญี่ปุ่น ที่นี่จึงมีเพียงลานกว้างๆ แต่บนหินแต่ละจุดนั้นก็มีแผ่นเหล็กสลักบอกว่าตอนนี้เราอยู่ห้องไหนของปราสาทในสมัยก่อน ต้องถือว่าเป็นการเที่ยวที่ค่อนข้างใช้จินตนาการซักหน่อยค่ะ
แม้จะไม่มีปราสาทให้เราเดินชม แต่ก็มีความพิเศษ คือ คุณลุงคุณอาเขาแต่งตัวเป็นนักรบสมัยก่อน รวมถึงตัวละครอื่นๆ มายืนแอ๊บท่าให้เราถ่ายรูปด้วย ในบางครั้งก็มีการพูดบทแบบโบราณๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในญี่ปุ่นในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ค่ะ
และแน่นอนเลยที่ลืมไม่ได้คืออนุสาวรีย์ของท่านไดเมียว (ตำแหน่งเจ้าเมืองในสมัยก่อน) Date Masamune (伊達 政宗) ผู้มีฉายาว่า ‘มังกรตาเดียว’ เรียกว่าเป็นคนที่มีความสนใจทางด้านการทูตและเทคโนโลยีของชาติตะวันตกเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเคยเขียนจดหมายถึงสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 5 เป็นภาษาลาตินอีกด้วย (สุดยอดมาก)
ทัศนียภาพเมืองเซนไดจากบริเวณปราสาท Aoba Castle
Gokoku Shrine (Aoba Castle Museum)
Gokoku Shrine [ดูแผนที่] เป็นศาลเจ้าที่ใช้เป็น Aoba Castle Museum ดังนั้นนอกจากเราจะสามารถไหว้ศาลจ้าได้แล้ว เราก็ยังสามารถเข้าชมส่วนของพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย ซึ่งศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับปราสาท Aoba Castle โดยมีค่าเข้าชมโซนพิพิธภัณฑ์ค่ะ
- ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์
- ผู้ใหญ่และนักศึกษามหาวิทยาลัย: 770 เยน
- นักเรียนมัธยมปลายและมัธยมต้น: 550 เยน
- นักเรียนประถม: 330 เยน
- ช่วงเวลาเปิดทำการ
- เวลา: 9:00 – 17:00 น. (ต้นเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม เปิดถึง 16:00 น.)
- สามารถผ่านประตูเข้าชมได้ถึงก่อนเวลาปิด 30 นาที
นอกจากป้ายขอพรแบบปกติทั่วไปแล้ว ก็ยังมีความนิยมในการเขียนอักษรไว้บนลูกน้ำเต้าแล้วนำมาห้อยบนที่เขาจัดไว้ให้ สวยงามแปลกตาทีเดียวค่ะ
Tohoku University Centennial Hall
เดินลงมาจากเขาของปราสาท Aoba Castle ตามความสวยงามของใบไม้สีแดงมาจนถึง Centennial Hall ของมหาวิทยาลัย Tohoku University [ดูแผนที่] ซึ่งเราก็ได้ชมบรรยากาศของมหาวิทยาลัยของภูมิภาคโทโฮคุนี้ไปด้วยค่ะ มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นมักจะมีต้นไม้สวยๆ ที่สามารถชมได้ตามฤดูกาลเลยนะคะ
กว่าเราจะเดินลงมาจากปราสาทและแวะไปอีกหลายที่ ก็เป็นเวลาประมาณบ่าย 3 – บ่าย 4 บรรยากาศก็มืดลงอย่างรวดเร็ว แต่ความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีของเมืองนี้ก็ยังทำให้เราหลงรักได้เสมอในทุกๆ ครั้งที่เราเดินผ่านค่ะ
ย่านถนน Jozenji-Dori
สวน Nishi Koen Park และถนน Jozenji-Dori
ฤกษ์งามยามพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ก็ได้เวลาที่จะเดินกลับสถานีกันค่ะ (ใครไม่อยากเดินก็นั่งรถบัสหรือรถไฟกลับได้ค่ะ) ระหว่างทางก็เผอิญเดินไปเจอสวน Nishi Koen Park [ดูแผนที่] ซึ่งเต็มไปด้วยต้นแปะก๊วยที่กำลังเปลี่ยนสีรวมทั้งบรรยากาศของใบไม้ร่วงในยามค่ำคืนอีกด้วย ทางสวนจะมีการเปิดไฟโชว์ ทำให้เราเดินเล่นได้อย่างไม่รู้เบื่อค่ะ
จากสวนนี้เราสามารถเดินเชื่อมต่อไปยังย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงอย่าง Jozenji-Dori [ดูแผนที่] ซึ่งเกาะกลางถนนจะมีต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีเรียงรายไปตลอดทางหลายกิโลเมตรเลยค่ะ แต่ทางด้านความสว่างไสวนั้นขอแนะนำให้มาในช่วงกลางวันจะดีกว่าค่ะ เพราะค่อนข้างมืดเลยทีเดียว
Sendai Mediatheque
อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจที่อยู่บนถนนสาย Jozenji-Dori คือ Sendai Mediatheque [ดูแผนที่] เป็นอาคารอเนกประสงค์ที่ประกอบด้วยห้องสมุดและสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ เป็นงานออกแบบของ Toyo Ito ซึ่งเป็นอาคารไร้เสาที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย แนะนำว่าต้องเข้าไปดูสักครั้งค่ะ อยู่ได้ไงอาคารไม่มีเสา? เน๊อะ
ย่าน Ichibancho
ถนน Ichibancho [ดูแผนที่] เป็นถนนยาวหลายร้อยเมตรซึ่งจะเชื่อมกับร้านต่างๆ มากมายทำให้เราสามารถเดินดูสินค้าได้หลากหลายประเภทภายในพื้นที่เดียวกัน โดยถนนดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Aoba-Dori Ichibancho และความพิเศษในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมก็จะมีการประดับประดาไฟเอาไว้ตลอดทาง เราจะสามารถช้อปปิ้งได้ท่ามกลางบรรยากาศของคริสต์มาสเลยทีเดียวค่ะ
ภาพบรรยากาศย่านช็อปปิ้งของ Ichibancho
Silver Accessory SAAD
Sunmall Ichibancho
นอกจากถนน Ichibancho แล้วยังมีถนนสายอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกันด้วย งานนี้เดินเพลินก็อาจจะหลงได้ หากกลัวหลงก็พยายามหาทางกลับสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดเอาไว้นะคะ รับรองว่ากลับที่พักได้แน่นอน! เซนไดเป็นเมืองที่มีบรรยากาศคล้ายกับเชียงใหม่บ้านเรา ที่มีสังคมเมืองใหญ่ มีสถานีชินคันเซนใหญ่โต และสามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้เพียงการเดินทางไม่กี่นาทีจากตัวเมือง ทั่วเมืองมีต้นไม้ ธรรมชาติแทรกอยู่เสมอ นอกจากนี้ตัวจังหวัดก็ติดทะเลด้วย สามารถซึมซับบรรยากาศได้ทุกรูปแบบเลยค่ะ
แนะนำพาสเที่ยวโทโฮคุ
ส่งท้าย
วันนี้ช่างเป็นวันที่ได้เที่ยวเต็มอิ่มมากๆ สำหรับตัวแอดมิน ได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี ไปชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ และตบท้ายด้วยการช้อปปิ้ง เพื่อนๆ อาจจะมีความชอบที่แตกต่างกันออกไป แต่หวังว่านี่จะเป็นบทความหนึ่งที่มีประโยชน์ในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเซนไดได้ไม่มากก็น้อยนะคะ และเราก็ขอจบทริปการเที่ยวเซนไดในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไว้เพียงเท่านี้ ตอนหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ รอติดตามกันนะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่า
บทความเที่ยวเซนได (Sendai) ดูทั้งหมด »
› เมืองเซนได
- [รีวิว] การเดินทางโตเกียว-เซนได (Tokyo-Sendai) จังหวัดมิยางิ
- [รีวิว] JR Sendai Station สถานีหลักของเมืองเซนได พร้อมแนะนำร้านค้าต่างๆ
- [รีวิว] เที่ยวเซนได (Sendai) 1 วัน ชมใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาทเซนได Aoba Castle
- [รีวิว] Kyou Bar Lounge & Inn โรงแรมริมแม่น้ำ ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Akiu Onsen
- [รีวิว] ลิ้นวัวย่าง (Gyutan Yaki) อาหารขึ้นชื่อของเมืองเซนได
› แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง
- [รีวิว] ปล่องภูเขาไฟโอคามะ (Okama Crater) ชมทะเลสาบห้าสีของจังหวัดมิยางิ
- [รีวิว] ทาชิโระจิมะ (Tashirojima) เกาะแมวแห่งจังหวัดมิยางิ
- [รีวิว] หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village) แห่งจังหวัดมิยางิ
- [รีวิว] การเดินทางจากเซนได-ยามาเดระ (Sendai-Yamadera) จังหวัดยามากาตะ
- [รีวิว] วัดยามาเดระ (Yamadera Temple) วัดบนเขาอายุกว่าพันปี จังหวัดยามากาตะ
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com





![[รีวิว] Kyou Bar Lounge & Inn โรงแรมริมแม่น้ำ ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Akiu Onsen Kyou Bar Lounge & Inn, Akiu Onsen (Sendai)](https://www.japankakkoii.com/wp-content/uploads/2025/10/featured-kyou-bar-lounge-inn-sendai-01-1-218x150.jpg)
![[รีวิว] เที่ยววัดยามาเดระ (Yamadera Temple) ชมใบไม้เปลี่ยนสีบนเขาในยามากาตะ วัดยามาเดระ (Yamadera Temple)](https://www.japankakkoii.com/wp-content/uploads/2017/12/featured-yamadera-temple-01-218x150.jpg)









![[รีวิว] Kyou Bar Lounge & Inn โรงแรมริมแม่น้ำ ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Akiu Onsen Kyou Bar Lounge & Inn, Akiu Onsen (Sendai)](https://www.japankakkoii.com/wp-content/uploads/2025/10/featured-kyou-bar-lounge-inn-sendai-01-1-100x70.jpg)