สวัสดีค่ะ มาพบกันอีกครั้งสำหรับการรีวิวการท่องเที่ยวจังหวัดทตโตริ (Tottori) รู้สึกว่าตัวเองก็ไปมาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ออกนอกเมืองไปสักพักแล้ว วันนี้ก็กลับเข้าเมืองมากันที่พิพิธภัณฑ์ของเล่นวาราเบะคัง (WarabeKan Toy Museum) คิดว่าจะพาเพื่อนๆ ไปย้อนวัยเด็กกันซะหน่อย แต่เป็นวัยเด็กแบบญี่ปุ่นนะคะ

เนื่องจากว่าประเทศญี่ปุ่นสมัยนี้พัฒนาไปมาก อาจทำให้อะไรหลายๆ อย่างหายไป บางอย่างที่เคยเห็นในการ์ตูนสมัยเด็กๆ ตอนนี้ก็เริ่มหายากแล้ว อย่างเช่น ชุดนักเรียนชายแบบคอจีน ซึ่งนักเรียนในเมืองสมัยใหม่จะสวมเครื่องแบบจะเป็นชุดสูทหมดแล้ว หรือว่าชุดนักเรียนหญิงแบบปกกลาสี ก็หายากในเมืองใหญ่แล้วเหมือนกันค่ะ การไปเที่ยวครั้งนี้น่าจะทำให้เราได้ชื่นชมของที่เราเคยเห็นในหนังสือหรือโทรทัศน์สมัยเด็กกันนะคะ

เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ WarabeKan Toy Museum

พิพิธภัณฑ์ของเล่นวาราเบะคัง (WarabeKan Toy Museum / わらべ館) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1995 โดยการบูรณะห้องสมุดของจังหวัดทตโตริ (Tottori) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มี 2 ธีมหลักคือ เพลงเด็กและของเล่น และที่พิเศษก็คือการนำเทคโนโลยีการสร้างภาพโฮโลแกรมเข้ามาช่วยในการสื่อสารและถ่ายทอดชีวิตและการละเล่นของเด็กญี่ปุ่นในสมัยก่อนอีกด้วย เราอาจจะได้เห็นตุ๊กตาหรือหุ่นยนต์ที่เคยอยากได้เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก หรืออาจจะเข้าไปนั่งในห้องเรียนเหมือนที่เคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นก็เป็นได้

ข้อมูลการเยี่ยมชม

  • ที่อยู่:
    • 3 Chome-202 Nishimachi, Tottori, 680-0022 ญี่ปุ่น
  • เวลาทำการ:
    • 9:00 – 17:00 น. (เข้าก่อน 16:30 น.)
  • วันหยุด:
    • ทุกวันพุธของสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน (ยกเว้นเดือนสิงหาคม)
      *กรณีที่วันพุธเป็นวันหยุดนขัตฤกษ์จะปิดทำการในวันอังคารแทน
    • ช่วงปีใหม่ 29 ธันวาคม – 1 มกราคม
  • ค่าเข้าชม:
    • ผู้ใหญ่ 500 เยน
    • กลุ่มมากกว่า 20 ขึ้นไป 400 เยน/คน
    • ชาวต่างชาติ 250 เยน (กรุณาแสดงพาสปอร์ต)
  • วิธีการเดินทาง:
    • นั่งรถบัส Kururi Loop Bus จากสถานี Tottori มาลงที่ป้าย Warabekan ใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าโดยสาร 100 เยน)
      *มีรถทุกๆ 20 นาทีจากสถานี Tottori
    • นั่งรถบัส Kirin Jishi Loop Bus จากสถานี Tottori มาลงที่ป้าย Warabekan ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
    • เดินจากสถานี Tottori ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
    • นั่งแท็กซี่จากสถานี Tottori ใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าโดยสารประมาณ 1,200- 1,500 เยน)

รีวิวพิพิธภัณฑ์ WarabeKan Toy Museum

จากสถานีรถไฟ Tottori มายังพิพิธภัณฑ์ WarabeKan Toy Museum ให้นั่งรถบัส Kururi ที่วิ่งรอบเมือง ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีค่ะ ค่าโดยสารเพียง 100 เยนเองค่ะ มีรถวิ่งทุกๆ 20 นาที แต่บอกไว้เลยว่า ถ้าพลาดรถบัสแบบฉิวเฉียดก็แนะนำให้เดินหรือนั่งแท็กซี่ไปเลยดีกว่าค่ะ ยิ่งมาหลายคน นั่งแท็กซี่ก็คุ้มอยู่นะคะ คนละประมาณ 300 เยนเอง ดีกว่าเสียเวลาไปอีก 20 นาที คนที่เที่ยวญี่ปุ่นในต่างจังหวัดบ่อยๆ ควรเตรียมใจเรื่องนี้ด้วยค่ะ ทุกอย่างปิดเร็วเราต้องรีบ ฮ่าๆ

หน้าตาของพิพิธภัณฑ์ก็ใหญ่โตน่าดูค่ะ อย่างนาฬิกาด้านหน้านี้เมื่อถึงเวลาครบชั่วโมงก็จะกลับด้านเป็นของเล่นออกมาให้เราได้ดูกัน แถมมีเสียงเพลงที่ได้ยินไปไกลอีกด้วยนะคะ เราชอบมาก เคยเห็นแต่ในหนังค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอของจริง

พอเข้ามาแลวก็ซื้อตั๋วให้เรียบร้อย แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ (พี่คนใส่เสื้อสีแดง) คอยแนะนำอาคารและชั้นต่างๆ ใหเราฟังคะ หรือเราจะดูเองก็ได้ตามสะดวกเลยจ้า

ชั้นที่ 1 Doyo Room

ที่ชั้นแรกนั้นเป็นธีมของเพลงกล่อมเด็กในยุคหลังสงคราม ทั่วบริเวณจะมีบรรยากาศของโรงเรียน เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อน อยากบอกว่าบรรยากาศดีมากค่ะ เงียบๆ มีความดาร์กนิดๆ เรียกว่าญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้นสดใสกว่าสมัยก่อนมากๆ ค่ะ

บ้านญี่ปุ่นให้บรรยากาศแบบดูเรื่องโอชินเลยค่ะ (บ่งบอกอายุมาก ฮ่าๆ) ตรงนี้จะมีการฉายภาพเงาของเด็กๆ กำลังเล่นกัน และเราสามารถนั่งฟังเพลงไปด้วย

นอกจากโรงเรียนและบ้านจำลองแล้ว ก็ยังมีห้องดนตรีจำลองด้วย ซึ่งเป็นธีมยุคโมเดิร์นขึ้นมา อีกทั้งยังมีการแนะนำนักดนตรีของเมืองทตโตริด้วยนะคะ

ชั้นที่ 2 Toy Room

ชั้นนี้เป็นชั้นของเล่นค่ะ เป็นโซนที่เด็กสามารถเล่นของเล่นต่างๆ ได้จริง ซึ่งไม่ใช่ของเล่นที่ทันสมัยหรือของเล่นแฟชั่นนะคะ แต่ว่าเป็นของเล่นช่วยเพิ่มการเรียนรู้ให้เด็กค่ะ ส่วนใหญ่ทำจากไม้ มีกลไก หลักการเคลื่อนไหว การจัดวางเน้นให้เด็กคิดวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรจึงจะชนะในเกมนี้ หรือต้องทำอย่างไรจึงจะสำเร็จในแต่ละมิชชั่น

คือเราก็เป็นเด็กโข่งที่ไปเล่นเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ ไปทำความรู้จักกับเด็กๆ ในเมืองด้วย แต่ก็ต้องระวังนะคะ เพราะเด็กบางคนอาจจะกลัวหรือไม่คุ้นเคยกับชาวต่างชาติเท่าไหร่ เห็นท่าไม่ดีก็ถอยก่อนดีกว่าค่ะ (คือเราหน้าตาคล้ายกับคนญี่ปุ่นเด็กเลยไม่ค่อยกลัว) สนุกกันพอหอมปากหอมคอก็ไปกันต่อที่ชั้นต่อไปค่ะ

ชั้นที่ 3 Toy Room

แม้จะเป็นชั้นของเล่นเหมือนกัน แต่ว่าเป็นของเล่นที่เก็บสะสมเอาไว้มากมายในแต่ละยุคแต่ละสมัยค่ะ มีทั้งเก่าแก่และใหม่ล่าสุด คนที่สะสมโมเดลน่าจะชอบเป็นพิเศษ นอกจากของสะสมแล้วก็มีฉากสามมิติและการฉายภาพโฮโลแกรมการละเล่นของเด็กสมัยก่อนเอาไว้ให้เราดูด้วย อารมณ์เดียวกับสมัยเราเล่นม้าก้านกล้วย เล่นลูกข่างอะไรแบบนั้นค่ะ

โซนของสะสมที่เราชอบมากเป็นไม้ตีลูกขนไก่แบบสมัยก่อนค่ะ เพราะนอกจากการละเล่นแล้วยังมีผลงานศิลปะในนั้นด้วย และทำให้เห็นประวัติศาสตร์ในแต่ละสมัยอีกด้วย (เราชอบประวัติศาสตร์)

ปิดท้ายกันด้วยของสะสมที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันบ้างนะคะ เป็นสมัยที่อนิเมชั่นญี่ปุ่นโด่งดังมาก ทั้งโมเดลที่มาจากมังงะ การ์ตูนยอดมนุษย์ ขบวนการเรนเจอร์ทั้งหลาย สมัยก่อนเราก็ดูนะ พวกขบวนการห้าสีทุกซีซันเลย ฮ่าๆ การ์ตูนก็อ่านจนหมดร้าน แต่โชคดีที่ไม่ได้สะสม ไม่งั้นคงจะเต็มบ้านไปแล้วป่านนี้

นอกจากนี้ก็ยังมีโมเดลด้านต่างๆ อย่าง รถ เรือ รถไฟ อีกด้วยนะคะ ทั้งชั้นนี้มีของเล่นที่จัดแสดงประมาณ 2,000 ชิ้น คิดว่าคนที่ชอบสะสมต้องว้าวมากแน่ๆ

ส่งท้าย

พิพิธภัณฑ์ของเล่น WarabeKan Toy Museum แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงครอบครัวด้วยนะคะ เพราะว่าเราสามารถพาลูกๆ ไปเห็นของเล่นแบบที่ไม่เจอในประเทศเราด้วย การพาเด็กๆ เที่ยวพิพิธภัณฑ์จะช่วยให้เขามีจินตนาการและความฝันค่ะ เพราะเราก็เคยมีความฝันจากการ์ตูนและของเล่นพวกนี้เหมือนกัน สำหรับวันนี้ก็ขอลาไปก่อนสวัสดีค่า

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] Misasakan เรียวกังออนเซ็นกุหลาบ ในเมืองน้ำพุร้อนของจังหวัดทตโตริ

เทียบราคาโรงแรมที่พักในทตโตริ


บทความเที่ยวทตโทริ (Tottori)

สถานที่ท่องเที่ยว
ร้านอาหาร
โรงแรมที่พัก

+ ดูบทความเที่ยวทตโตริทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com