วันนี้แอดมินจะมาแนะนำสถานที่ที่ควรทำความรู้จักเมื่อเดินทางมาถึงเมืองเซนได นั่นก็คือ “JR Sendai Station” ค่ะ ที่นี่ไม่ใช่แค่สถานีรถไฟหลักของเมืองท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาคโทโฮคุที่เชื่อมต่อทั้งชินคันเซ็น รถไฟท้องถิ่น รถบัส และสนามบินเซนไดด้วยนะคะ

สำหรับการเดินทางมายังเซนไดจากโตเกียว เพื่อน ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความ วิธีเดินทางจากโตเกียวมายังเซนได (Tokyo → Sendai) ที่เราเขียนไว้แล้วนะคะ ส่วนบทความนี้ เราจะพาไปสำรวจบรรยากาศในสถานีรถไฟเซนไดกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไปจนถึงสิ่งโซนช้อปปิ้งของฝากและร้านอาหารอร่อย ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่านะคะว่ามีอะไรบ้าง~

ข้อมูลสถานี JR Sendai

JR Sendai เป็นสถานีรถไฟหลักของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) อยู่ในความดูแลของ JR EAST, Sendai Airport Transit, Sendai Subway เรียกว่าเป็นสถานีใหญ่ที่สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยค่ะ เพราะเป็นจุดเชื่อมของรถไฟจากหลายๆ ภูมิภาคและจุดเชื่อมรถไฟชินคันเซ็นหลายขบวน โดยมีสายรถไฟที่ให้บริการดังต่อไปนี้

สายรถไฟประเภท
Tohoku Shinkansenชินคันเซ็น
Akita Shinkansenชินคันเซ็น
Tohoku Main Lineรถไฟ JR
Senzan Lineรถไฟ JR
Senseki Lineรถไฟ JR
Joban Lineรถไฟ JR
Sendai Airport Lineรถไฟสนามบิน
Sendai Subway Namboku Lineรถไฟใต้ดิน
Sendai Subway Tozai Lineรถไฟใต้ดิน

สรุปรวมๆ สถานี JR Sendai เป็นที่รวมทั้งรถไฟใต้ดินภายในเมือง รถไฟจากสนามบินเซนได รถไฟเชื่อมจังหวัดใกล้เคียงและรถไฟคชินคันเซ็นจากต่างภูมิภาค รวมทั้งจุดเชื่อมของรถบัสก็อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ

✨ ใช้ได้ทั้งตั๋วเข้าสถานที่ ตั๋วรถไฟ และพาสต่างๆ ✨
※ไม่รวม Tokyo Disneyland

[ดูส่วนลดเพิ่มเติม คลิกที่นี่]

รีวิวสถานี JR Sendai

สถานี JR Sendai เป็นตึกยาวที่เชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้าโดยรอบหลายตึก ดังนั้นจึงมีทางเดิน Sky Walk หรือทางเดินลอยฟ้าเชื่อมบริเวณโดยรอบถึงกันหมดค่ะ ทางเชื่อมจะ อยู่บริเวณชั้นสองของสถานี เมื่อเดินมาด้านนอกจะเป็นลานกว้างๆที่สามารถเดินไปยังทิศทางต่างๆ ได้โดยไม่ต้องข้ามถนนเยอะๆ ส่วนชั้นหนึ่งด้านล่างเป็นลานจอดรถบัส จุดจอดรถแท็กซี่

ในแต่ละทิศทางจะมีป้ายบอกทิศทางไปยังสถานที่ต่างๆ บนทางเดินลอยฟ้าโดยไม่ต้องกลัวหลงค่ะ ใครอยากไปเที่ยวสถานที่ที่ไม่ไกลมากก็สามารถเดินตามป้ายได้แบบสบายๆ ค่ะ

จุดจอดรถบัสและแท็กซี่

สำหรับจุดจอดรถบัสที่ สถานี JR Sendai นั้นอยู่บริเวณหน้าสถานีชั้น 1 มีชานชาลาแยกไปตามประเภทรถค่ะ มีทั้งรถบัสสาธารณะ และรถบัสของแต่ละโรงแรมหรือเรียวกังที่มีบริการรับส่งแขกผู้ใช้บริการ ซึ่งบางแห่งก็ค่อนข้างลึกเข้าไปในป่าเขา ส่วนโซนตรงกลางปากทางเข้าชั้น 1 คือ จุดจอดรถแท็กซี่ที่จะออกตามคิวค่ะ และเราต้องเรียกในจุดที่เขาจัดให้นะคะ เดินดุ่มๆ ไปเรียกไม่ได้ และต้องเข้าแถวตามคิวเรียกอีกด้วย

ตู้ล็อคเกอร์ฝากของ

เมื่อเข้ามาด้านในสถานีแล้ว เราก็เจอแต่ทางเดินยาวๆ ค่ะ แต่ว่าที่บังเอิ๊ญบังเอิญไปเจออยู่หน้าห้องน้ำนั้นคือตู้ล็อคเกอร์ฝากของนั่นเอง ตู้ในรูปนี้เป็นแบบไม่ต้องใช้กุญแจนะคะ มีให้เลือกหลากหลายไซส์ ส่วนไซส์ที่จะได้ถูกจับจองเป็นอันดับแรกคือไซส์ใหญ่สุดที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางไซส์ 28 นิ้ว แต่ไม่เหมาะกับกระเป๋าไซส์ใหม่ เช่นกระเป๋ารูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่วนวิธีใช้งานก็ง่ายแสนง่ายค่ะ

วิธีที่ 1: ใช้เงินสดเหรียญหรือธนบัตร

นำกระเป๋าสัมภาระใส่ในล็อคเกอร์ที่ว่างแล้วปิดฝาล็อคเกอร์ จากนั้นทำการกดเลือกนำกระเป๋าเข้า (เป็นระบบสัมผัส) จากนั้นเครื่องจะขึ้นจำนวนเงินที่ต้องชำระ หรือบางครั้งจะมีสลิปออกมาให้ 1 ใบ จะเป็นรหัสการปลดล็อคเวลานำของออกจากล็อคเกอร์ แล้วชำระเงินตอนนำของออกค่ะ (แล้วแต่การเซ็ตระบบ)

วิธีที่ 2: การใช้บัตร IC Card 

วิธีการนี้จะง่ายและสะดวกมาก เพียงแค่นำสัมภาระใส่ล็อคเกอร์ ปิดให้เรียบร้อย เลือกปุ่มนำของเข้าล็อคเกอร์และทำการสแกนบัตร IC Card ของเรา จากนั้นเครื่องจะหักเงินในบัตรพร้อมกับล็อคให้เราค่ะ เวลาจะนำของออกก็เพียงแค่ จิ้มเลือก “นำของออก” บนจอทัชสกรีน แล้วแตะ IC Card อีกครั้งหนึ่งก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องพกรหัสอะไรเลย สะดวกมากๆ เลยใช่มั้ยคะ

สำหรับเพื่อนๆ ที่เดินทางด้วยรถบัสเหมือนแอดมิน เจอล็อคเกอร์ที่ไหน ขอให้คว้าไว้ก่อนนะคะ เพราะว่าถ้าเป็นช่วงที่คนเยอะจะหาล็อกเกอร์ว่างยากมากๆ ถ้าเดินทางมาถึงในช่วงเช้ามืดจะฝากได้เลย แต่ถ้าเริ่มเข้าชั่วโมงเร่งด่วนตู้ก็แทบจะเต็มหมดทุกตู้เลย โดยเฉพาะสถานีที่เป็นจุดจอดของรถไฟชินคันเซ็น

ด้านในสถานี

อย่างที่แนะนำกันไปข้างต้น ควรจะฝากกระเป๋าให้เป็นอันดับแรก จากนั้นก็เข้าไปเดินเล่นยังโถงใหญ่ของสถานีได้แบบตัวเบาๆ แต่ว่าก็เป็นเรื่องจริงของแอดมินจอมหลงทางอย่างเรา ต้องอาศัยป้ายในการนำทางตลอด ซึ่งจะมีบอกเอาไว้หมด ทั้งเคาน์เตอร์ของ JR ทางแยกไปยังชานชาลารถไฟเข้าสนามบิน จุดรับของหาย ลองจำเอาไว้นะคะ รับรองเป็นประโยชน์แน่ๆ แน่นอนว่าแอดมินได้ใช้ประโยชน์ทุกอย่างในสถานีมาแล้วค่ะ

โซนตรงกลางเราจะเจอห้องโถงเปิดหลังคายกสูง ดูโออ่าอลังการมากทีเดียวค่ะ ดีไซน์คล้ายกับสนามบินขนาดย่อมที่มีเพดานสูงและทำชั้นลอยในอีกฝั่งหนึ่ง จากจุดนั้นเราสามารถมองเห็นหมดเลยค่ะ ว่าบริเวณนั้นมีอะไรอย่าง

อันนี้มุมกว้างๆ จากชั้นลอย เป็นสถานีรถไฟที่กว้างมากจริงๆ ในส่วนตรงกลางนั้น ช่วงเวลาทำการปกติของร้านค้าจะมีการจัดบูธขายของฝากของดีของจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียงให้เราได้ชวนน้ำลายสอกันเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นการออกบูทของร้านอาหาร ของดีต่างๆของแต่ละพื้นที่ คิดว่าคนไทยน่าจะชอบค่ะ เพราะว่าเราจะสามารถซื้อสินค้าที่เป็นเฉพาะถิ่น หรือสินค้าหรือสินค้าราคาย่อมเยา

อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจของสถานีรถไฟแห่งนี้คือโซนกระจกสีแบบในโบสถ์คริสเตียนแบบนี้ค่ะ ของจริงใหญ่มาก ถือว่าเป็นจุกแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่ง ใช้เป็นจุดนัดพบในสถานีค่ะ จะเห็นได้ว่าคนมักจะไปยืนพิงกันตรงที่กั้นหน้ากระจก ก็มันหาง่ายและโดดเด่นเสียขนาดนี้ จอด้านซ้ายมือเป็นแผนที่แบบสัมผัสได้ให้เราได้หาข้อมูลกันอย่างจุใจ

ฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับกระจกสีก็คือทางเข้าชานชาลารถไฟนั่นเองค่า ฉะนั้นเวลานัดเจอกันตรงสถานีเซนได พอเราออกมาจากประตูตอกตั๋ว ก็จะจ๊ะเอ๋กับกระจกสีอันเบ้อเริ่มเลยค่ะ หาไวสุด เจอไวสุด

แนะนำพาสเที่ยวโทโฮคุ

Klook.com

ร้านค้าในสถานี

ในส่วนของร้านขายของฝากก็ใหญ่ไม่แพ้กับที่โตเกียวเลยค่ะ ซึ่งจะโดดเด่นมากในเรื่องลิ้นวัว (Gyutan) เพราะเป็นของขึ้นชื่อของเมืองเซนไดแห่งนี้ เราจึงเห็นทั้งขนมขบเขี้ยวรสลิ้นวัวย่าง หรือลิ้นวัวย่างแช่แข็งก็มีให้เลือกไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งราคาก็ไม่น้อยเช่นกันค่า เป็นจังหวัดหนึ่งที่สินค้าของฝากราคาแรงๆ เยอะ แต่คนยอมจ่ายเพราะความโด่งดังของลิ้นวัวที่นี่

เมื่อขึ้นไปด้านบนชั้น 3 ของสถานี เราจะเจอ “ถนนลิ้นวัว (Gyutan Dori / 牛たん通り)” โอ้ยยยยย คือดีงามพระรามแปดมาก มีแต่ร้านอาหารน่าอร่อยทั้งนั้นเลยค่าาา ถนนลิ้นวัว แน่นอนว่าส่วนใหญ่ต้องเป็นร้านลิ้นวัวย่างซะส่วนใหญ่ สำหรับคนไม่กินเนื้อก็มีร้านซูชิ และร้านอาหารอื่นให้เลือกอีกด้วย เรียกว่าอยากกินอะไรก็มีขายค่ะ

แล้วก็สมชื่อถนนลิ้นวัวจริงๆ ค่ะ คือ ทุกร้านมีแต่ลิ้นวัว ทั้งเป็นเซ็ต กับแกล้ม จานแยก แบบจานเดียว ย่างเอง ย่างให้ มีหมดทุกร้าน คืองานนี้เราก็ต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋าเงินเราแล้วค่ะ ว่าสู้ได้แค่ไหน ข้อดีของที่นี่คือ เราสามารถลิ้มลองลิ้นวัวได้ในราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับร้านต่างจังหวัด หรือร้านในโตเกียว สนนราคาที่เซตหนึ่งราคาประมาณ 2,000 เยน

เราสนใจที่สุดคือเซ็ตนี้ค่ะ แค่ไซส์เล็ก เริ่มต้นประมาณ 1,700 เยน (*ราคาเมนูอาหารในปัจจุบันอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ซึ่งรสชาติมันก็คุ้มค่ากับราคามากๆ เลยนะคะ นี่แอดมินแค่นั่งเขียนอยู่ยังอยากกลับไปกินอีกครั้งเลยอ่ะ เครื่องเคียง ข้าวร้อน เนื้อนุ่มๆ รับรองได้เลยว่าทุกคนจะต้องติดใจ

สำหรับผู้ที่กระเป๋าหนักก็เลือกได้ทุกเมนู อย่าได้แคร์ราคาค่ะ จัดไปๆ เพราะลิ้นวัวที่อร่อยสุดๆ ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ถนนนี้เป็นสวรรค์ของคนชอบกินเนื้อเลยก็ว่าได้ค่ะ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่กินเนื้อวัว เราขอแนะนำให้ลองมาชิมความสดของอาหารทะเลเมืองเซนไดแทนค่ะ เป็นอีกอย่างที่มีชื่อเสียงรู้กันทั่วเกาะญี่ปุ่นทั้งซาชิมิ ข้าวหน้าปลาดิบสดๆ ซูชิ ความได้เปรียบของจังหวัดที่สามารถจับปลาได้เอง คือ จะมีเนื้อกุ้งหอยปูปลาที่หลากหลาย และขายในราคาที่ถูกกว่าเมืองใหญ่อย่างโตเกียวมากๆ เลยนะคะ

แต่ละร้านแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีจุดเด่นและความฮอตฮิตเป็นของตัวเองที่ลูกค้าติดใจจนต้องเข้าแถวรอเนอะ และด้วยประการละฉะนี้ ที่สถานี JR Sendai นั้นมีอะไรน่าสนใจที่มากกว่าการเป็นเพียงสถานีรถไฟนะคะ สำหรับวันนี้ฝากไว้เพียงเท่านี้สวัสดีค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง » [รีวิว] Tashirojima เกาะแมว (Cat Island) แห่งจังหวัดมิยางิ (Miyagi)

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com