[รีวิว] เที่ยวศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งเมืองนาโกย่า

ตอนก่อนเราเริ่มต้นการเที่ยวในเมืองนาโกย่าในจังหวัดไอจิกันที่ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) วันนี้เราจะมาเที่ยวศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองนี้ต่อนะคะ

เกี่ยวกับศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine)

ศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine หรือ Atsuta Jingu / 熱田神宮) เป็นศาลเจ้าชินโตเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนาโกย่า (Nagoya) ของจังหวัดไอจิ (Aichi) ในแต่ละปีมีผู้คนเดินทางมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้มากเป็นจำนวนถึง 9 ล้านคนยังซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่อันดับที่ 2 รองจากศาลเจ้าอิเสะ (Ise Grand Shrine) ในจังหวัดมิเอะ (Mie)

ภายในศาลเจ้าอะสึตะยังเป็นที่ตั้งของ Bunka-Den (Treasure Exhibition Hall) ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุหลายพันชิ้น รวมถึงดาบคุซานางิ (Kusanagi-no-Tsurugi) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของจักรพรรดิญี่ปุ่น

ค่าเข้าชม :
สามารถเข้าชมศาลเจ้าได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีค่าเข้าชม 300 เยนสำหรับ Bunka-Den

เวลาทำการ :
ศาลเจ้าเปิด 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งปี
Bunka-Den เปิดตั้งแต่ 9.00 – 16.30 น. (เข้าก่อน 16:00 น.)
หยุดทุกวันพุธสุดท้ายของเดือน และช่วงวันที่ 25 – 31 ธันวาคม

เว็บไซต์ :
http://www.atsutajingu.or.jp/en/intro/ (ภาษาอังกฤษ)

การเดินทางมาศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine)

สามารถเลือกการเดินทางได้ 3 แบบ คือ

• นั่งรถไฟใต้ดินสาย Meijo Line มาลงที่สถานี Jingunishi เดินต่ออีก 7 นาที
• นั่งรถไฟสาย Meitetsu Line มาลงที่สถานี Jingumae เดินต่ออีก 3 นาที
• นั่งรถไฟสาย JR มาลงที่สถานี Atsuta เดินต่ออีก 8 นาที

ดูแผนที่ Google Map

ตัวอย่างการเดินทางจากสถานี Nagoya (by Hyperdia.com)

รีวิวเที่ยวศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine)

เราเดินทางมาจากสถานี Shiyakusho ตรงปราสาทนาโงย่าด้วยรถไฟใต้ดินสาย Meijo นะคะ สำหรับคนที่ซื้อบัตรรถไฟเป็น One Day Pass ก็สามารถนั่งมาได้ถึงสถานี Jingunishi ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ศาลเจ้าโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลยค่ะ

จากสถานี Jingunishi ให้ออกทาง Exit 2

เมื่อขึ้นบันไดมาด้านบนแล้ว ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 300 เมตร จนเห็นสะพานลอยตามรูปด้านบนนี้ ทางเข้าศาลเจ้าอะสึตะจะอยู่ทางซ้ายมือเลยสะพายลอยนี้ไปอีกนิด

ทางเข้าศาลเจ้าเป็นเสาโทริอิไม้ขนาดใหญ่ บริเวณศาลเจ้าร่มรื่นด้วยต้นไม้ จากตรงนี้ต้องเดินเข้าไปด้านในอีกไกลพอสมควรจึงจะเจอตัวอาคารนะคะ

จากทางเข้าศาลเจ้า ก็เดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ พอเดินไปจนสุดจะเจอทางแยกค่ะ ตอนที่ไปนี่เห็นว่ามีคนเดินไปมาจากทุกทาง เลยงงนิดหน่อย ว่าเราควรจะเลี้ยวไปทางไหนดีถึงจะเป็นทางหลัก ถ้าจำไม่ผิดป้ายบอกทางเหมือนจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ใครที่ไม่ชัวร์เรื่องทิศทาง ก็เปิดดูแผนที่ก็ได้นะคะ

ตรงทางแยกนั้น ถ้าเดินตรงขึ้นไปก็คือ Bunka-Den (Treasure Exhibition Hall)

สำหรับคนที่จะไปยังอาคารหลักของศาลเจ้าก็ให้เลี้ยวทางซ้ายมือตรงทางแยกเลยค่ะ พอเลี้ยวมาก็จะเจอบ่อน้ำสำหรับชำระล้างสิ่งสกปรกก่อนเข้าศาลเจ้าค่ะ (แสดงว่ามาถูกทางละ) คนญี่ปุ่นเค้าจะมีขั้นตอนการล้าง คือ ใช้มือขวาจับกระบวยตักน้ำมาล้างมือซ้าย → เปลี่ยนมาล้างมือขวา → เทน้ำใส่มือล้างรอบๆ ปาก  → เทน้ำล้างมือซ้ายจนหมดกระบวย → ตักน้ำขึ้นมาแล้วปล่อยไหลลงด้ามจับเพื่อล้างกระบวย

ข้างๆ กันกับศาลาบ่อน้ำก็เป็นถังเก็บสาเกที่มีคนบริจาคให้ศาลเจ้าค่ะ ส่วนนี้เค้าจะเก็บไว้ใช้สำหรับดื่มเพื่อเป็นศิริมงคลในโอกาสต่างๆ ใครที่เคยไปเที่ยวศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ที่โตเกียว ก็จะเจอถังสาเกแบบนี้ตั้งเรียงรายเหมือนกันเลยค่ะ

ตามทางก็ยังมีป้ายจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติของศาลเจ้าแห่งนี้ค่ะ

จากนั้นเราก็เดินเข้าไปด้านในกันต่อเลย

มองเห็นอาคารหลักของศาลเจ้าอยู่ลิบๆ แล้ว

เดินลอดเสาโทริอิมาก็จะเจอกับลานกว้างนี้ค่ะ เดี๋ยวเราขอไปแวะขอพรตรงอาคารหลักกันก่อนนะคะ เดินตรงไปได้เลย

อาคารหลัก (Hongu) ของศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine)

วิธีการสักการะศาลเจ้าแบบคนญี่ปุ่นก็มีขั้นตอนดังนี้นะคะ โยนเหรียญลงในกล่องด้านหน้า → โค้ง 2 ครั้ง → ปรบมือ 2 ครั้ง → ขอพร → โค้งปิดท้าย 1 ครั้ง (นิยมใช้เหรียญ 5 เยน เพราะเสียงอ่านในภาษาญี่ปุ่นพ้องกับคำว่า ความสุข ความโชคดี) ขอบอกว่าแอดมินกับเพื่อนลองขอพรมาแล้ว และได้ตามที่ขอจริงๆ ด้วยค่ะ ^^

ตรงนี้เป็นที่เสี่ยงเซียมซีกับที่ขายเครื่องราง

ค่าเสี่ยงเซียมซี 200 เยน ใครที่ได้ใบทีีไม่ดีก็ให้เอาไปผูกไว้ตรงที่ศาลเจ้าเตรียมไว้เลยค่ะ

แผ่นไม้นี้เรียกว่า เอมะ (Ema) เป็นแผ่นไม้สำหรับเขียนคำขอพรค่ะ

ขากลับจากศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine) ก็เดินกลับออกมาทางเดิมได้เลย และเพื่อนๆ สามารถแวะหาซื้อของฝากหรือแวะพักทานขนม จิบชากันได้นะคะ ร้านนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าสวนที่มาจากถนนเลยค่ะ

ในตอนหน้าเราจะพาไปเข้าวัดเข้าวาในเมืองนาโกย่ากันต่อ รอติดตามชมกันนะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่าาา

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เที่ยววัดโอสึคันนง (Osu Kannon Temple) และแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังแห่งเมืองนาโกย่า