สวัสดีค่า เรายังอยู่กันที่จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) นะคะ ซึ่งสถานที่ต่อไปที่เราอยากจะแนะนำก็คือ “หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)” แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนี้ โดยอยู่ห่างจากเมืองไอสุวากามัตซึ (Aizu-Wakamatsu) ประมาณ 30 – 40 นาทีเท่านั้น เดินทางมาไม่ยากเลยจ้า

เกี่ยวกับหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)

หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku / 大内宿) เป็นหมู่บ้านโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ (ประมาณปี ค.ศ. 1640) เพื่อใช้เป็นหมู่บ้านพักแรมที่เชื่อมต่อระหว่างแคว้นไอซึ (Aizu) (บริเวณจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) และจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ในปัจจุบัน) และแคว้นชิโมซึเกะโนะกุนิ (Shimotsuke no Kuni) (บริเวณจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) ในปัจจุบัน) ซึ่งอยู่ห่างกัน 130 กิโลเมตร ด้วยระยะทางอันยาวไกลนี้จึงต้องมีหมู่บ้านสำหรับพักแรมระหว่างทางนั่นเองค่ะ

ปัจจุบันหมู่บ้านโบราณโออุจิ จูคุนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ โดยมีลักษณะเป็นหมู่บ้านโบราณยาวประมาณ 500 เมตร แต่ว่าระยะทางรวมของเขตอนุรักษ์ยังลึกเข้าไปในป่าด้านในอีกมาก สำหรับอาคารบ้านเรือนในหมู่บ้านนั้นมีการมุงด้วยหญ้าคาหนาและมีการบูรณะให้เป็นร้านขายของที่ระลึกและของฝากมากมาย

วิธีการเดินทางมาหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)

• การเดินทางด้วยรถไฟ

สามารถมาได้จาก 2 ฝั่ง คือ จังหวัดฟุคุชิมะและจังหวัดโทชิงิ

1. เดินทางจากฝั่ง Fukushima ผ่าน Aizu-Wakamatsu (เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวในจังหวัดฟุคุชิมะอยู่แล้ว)

*การเดินทางจากมายังจังหวัดฟุคุชิมะ สามารถดูได้จากบทความ » การเดินทางจากโตเกียว/เซนไดไปฟุคุชิมะ (Tokyo/Sendai → Fukushima)

  1. นั่งรถไฟชินคันเซ็น 13 นาที จากสถานี Fukushima หรือรถไฟ JR TOHOKU LINE 50 นาที ลงที่สถานี Koriyama แล้วจึงต่อรถไฟสาย JR BAN-ETSU-WEST LINE อีก 80 นาที ลงสถานี Aizu-Wakamatsu
  2. จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Aizu Railway Line ลงที่สถานี Yunokami Onsen
  3. หลังจากลงรถไฟแล้วก็ต่อแท็กซี่ประมาณ 8 – 15 นาที ค่าแท็กซี่ประมาณ 2,300 – 2,500 เยน/เที่ยว หรือเดินประมาณ 30 นาที

※ใช้ JR Pass (All area), JR East Pass (Tohoku area), JR East-South Hokkaido Rail Pass จนถึงสถานี Aizu-Wakamatsu

หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่เดินทางจากสถานี Tokyo หรือ Ueno ด้วย Shinkansen ให้ลงที่สถานี Koriyama โดยที่ไม่ต้องนั่งเลยไปจนถึงสถานี Fukushima ค่ะ และสำหรับเพื่อนๆ ที่พักอยู่ตรงสถานี Aizu-wakamatsu อยู่แล้วก็เดินทางจากสถานีโดยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟค่ะ

2. เดินทางจากฝั่ง Tochigi (เหมาะกับคนที่เที่ยวฝั่งมรดกโลก Nikko และ Kinugawa Onsen)

ในส่วนการเดินทางจากฝั่งจังหวัดโทชิงินั้น เผื่อคนคนที่ไปเที่ยวนิกโกและคินุกาวะออนเซ็นแล้วะอยากมาเที่ยวที่หมู่บ้านโบราณโอจิ จูคุ การเดินทางจากทั้งสองสถานที่นั้นขอให้ลงที่สถานี Shin-fujiwara ค่ะ

แต่พิเศษนิดหนึ่งตรงที่การนั่งจากสถานี Tobu Nikko ต้องมาเปลี่ยนขบวนที่สถานี Shimo-imaichi ก่อนเพื่อรถขบวนรถที่มาจากสถานี Kinugawa-Onsen เพื่อเดินทางไปยังสถานี Shin-fujiwara

แต่คนที่มาจากสถานี Kinugawa-Onsen สามารถนั่งรถตรงมายังสถานี Shin-Fujiwara ได้เลย ซึ่งมีรถให้บริการหลายๆ สายค่ะ ซึ่งไม่ว่าขบวนไหนก็ใช้เวลาและราคาเท่ากัน

จากนั้นจึงนั่งสาย Aizu – Kinugawa Line ไปยังสถานี Aizu-Kogen แล้วต่อรถไฟสาย Aizu Raiway Line ไปลง Yunokami Onsen จากนั้นก็เหมือนกับวิธีแรกคือต่อรถแท็กซี่หรือเดินเข้าหมู่บ้านโบราณเช่นเดียวกับวิธีการแรกค่ะ

หมายเหตุ:

  • ในช่วงเดือนเมษายน – พฤศจิกายน สามารถขึ้น Shared Taxi ชื่อ “Saruyu-go” ประมาณ 20 นาทีแล้วลง Ouchi-juku Iriguchi (1,000 เยน สำหรับ one-day free ticket)
  • ในช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม นั่งแท็กซี่ประมาณ 10 นาที (ราคาประมาณ 2,000 เยน)

• การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล

สามารถเดินทางได้จากทั้งฝั่ง Fukushima ผ่าน Koriyama และ Aizu-Wakamatsu แล้วขับตรงมาที่ Ouchi-Juku ได้เลยค่ะ นอกจากเส้นทางนี้แล้วก็ยังมีการเดินทางจากโตเกียว หลายเส้นทางตามที่ได้ระบุเอาไว้ด้านบนไม่ว่าจะเป็นทาง Shirakawa I.C. ทาง Nishi-nasuno-Shiobara I.C. และทาง Utsunomiya สุดท้ายจะมาบรรจบกันที่ Yunokami ก่อนจะเข้าสู่ Ouchi-Juku ค่ะ

ทิวทัศน์จากการเดินทางด้วยรถยนต์

• การเดินทางด้วยรถบัส

สำหรับคนที่ไม่มีตั๋ว JR Pass หรือบัตรรถไฟแบบเหมาใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เช่ารถยนต์ขับเอง แอดมินขอแนะนำเส้นทางสำหรับการท่องเที่ยวระยะเวลาสั้นๆ ค่ะ เป็นทัวร์รถบัสสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวในแถบเดียวกัน ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ คือ

1. Regular and Tour Bus

เป็นรถบัสแบบปกติที่ออกตามรอบการเดินทางในแต่ละวันจากสถานี Yunokami Onsen เที่ยวแรกตอน 9:00 น. เที่ยวสุดท้ายคือ 15:50 น. ความถี่ในการวิ่งคือ 45 – 60 นาที/คัน และรถบัสที่ออกจากป้าย Ouchi-juku Entrance Exit เที่ยวแรก 9:20 น. เที่ยวสุดท้าย 16:15 น.

  • ค่าโดยสาร : 1 Day Free Pass 1,000 เยน (เด็ก 500 เยน, เด็กเล็กฟรี)
  • ช่วงเวลาให้บริการ: 1 เมษายน – 30 พฤศจิกายน (ทุกวัน) *รับจองถึง 19:00 น. วันก่อนเดินทาง
  • ข้อมูลเพิ่มเติมและตารางเดินรถ » Regular and Tour Bus (ภาษาญี่ปุ่น)

2. Touristic Circulation Bus (Aizu Shimogo Circulation Bus)

เป็นรถบัสสำหรับการแวะตามจุดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน Aizu-Wakamatsu โดยเฉพาะ มี 2 ราคา คือ 1,800 เยน (เด็ก 900 เยน) นั่งได้ทุกสายภายใน 1 วันไม่จำกัดรอบ และระยะเฉพาะ Ouchi-Juku – Tonohetsuri ราคา 900 เยน (เด็ก 450 เยน) นั่งได้เฉพาะในระยะทางที่กำหนดภายใน 1 วันโดยไม่จำกัดรอบ

  • ระยะเวลาให้บริการ: ปลายเมษายน – กลางพฤศจิกายน (เฉพาะเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
  • ข้อมูลเพิ่มเติมและตารางเดินรถ » Touristic Circulation Bus (ภาษาญี่ปุ่น)

รีวิวเที่ยวหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)

ส่วนตัวแอดมินนั่งรถยนต์มาค่ะ เพราะมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวซึ่งไม่มีรถบัสให้บริการ คนที่อยากมาช่วงนี้ก็ต้องต่อแท็กซี่จากสถานี Yunokami Onsen กันอย่างเดียวเลย มาถึงด้านหน้าหมู่บ้านก็มีป้ายบอกระยะทางระหว่างถนนสายต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายในการเลือกจุดหมายของนักท่องเที่ยวที่นั่งแท็กซี่เข้ามาค่ะ (คิดว่านะคะ)

เมื่อมาถึงตรงจุดทางเข้าแล้ว ด้านฝั่งขวามือของตนเองก็จะเป็นลานจอดรถ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เช่ารถมาเองก็แนะนำให้จอดตรงนี้ (มีค่าธรรมเนียมในการจอดด้วยค่ะ)

ด้านหน้าลานจอดรถมีแผนที่ให้ดูกันก่อน เพราะพื้นที่เขตอนุรักษ์จริงๆ อยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาประมาณ 2,650 เมตร ใช้เวลาในการเดินเท้า 45 นาทีค่ะ ช่วงหน้าหนาวเช่นนี้ก็ไม่ค่อยมีใจอยากเดินไกลๆ เท่าไหร่ และส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็นิยมเยี่ยมชมแถวๆ หมู่บ้านโบราณมากกว่าค่ะ

แต่สำหรับคนที่อยากเดินเท้าหรือชอบความท้าทายก็สามารถเดินเข้าไปถึงจุดลึกสุดได้เลย และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางท่ามกลางหิมะ ก็สามารถใช้เจ้านี้ค่ะ เป็นเชือกฟางที่ใช้มัดติดกับรองเท้า ซึ่งจะช่วยให้รองเท้ายึดเกาะกับพื้นได้เป็นอย่างดี ใครที่ยืมไปอย่าลืมเอามาคืนเขาด้วยนะคะ

เดินจากทางเข้าสักพักก็เริ่มเห็นตัวหมู่บ้านแล้วค่ะ มีบ้านโบราณที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตั้งเรียงเป็นระเบียบ 2 ข้างถนน แม้ว่าคนจะน้อยในช่วงฤดูหนาว แต่บรรยากาศแบบนี้ก็ทำให้เรารู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้คนในท้องที่ได้ดีมากค่ะ

ขยับเข้าใกล้อีกนิดจะเห็นหลังคาของบ้านแต่ละหลังชัดเจนขึ้นค่ะ ด้านบนเป็นหิมะที่ทับถมกัน ส่วนด้านปลายชายคาก็เป็นแท่งน้ำแข็งแหลมๆ ตรงพื้นมีน้ำค่อยๆ หยดลงมาตลอดค่ะ เดินๆ กันก็ระวังนะคะ เพราะแท่งน้ำแข็งพวกนี้แหลมมากค่ะ

ที่บริเวณหน้าบ้านบางหลัง เราจะเจออิกลูด้วยค่ะ หมายถึงบ้านน้ำแข็งที่เราสามารถเข้าไปด้านในได้ ซึ่งภายในบ้านน้ำแข็งนั้นจะอุ่นกว่าด้านนอก เห็นแล้วก็นึกถึงคนที่เขาอยู่ขั้วโลกขึ้นมาเลยทีเดียว

ตรงโซนประมาณกลางๆ หมู่บ้านด้านซ้ายมือของเรา จะเจอเสาโทริอิตั้งตระหง่านอยู่ด้วยค่ะ เพียงแต่ไม่ได้ทาสีแดงตามความนิยมทั่วไปเท่านั้นเอง

ใกล้ๆ กันก็มีปฏิมากรรมหิมะขนาดยักษ์ เราสามารถเดินเล่นเที่ยวชมได้เหมือนบ้านเลยค่ะ อีกทั้งในฤดูหนาวนั้น ที่นี่ก็มีงานแสดงไฟตอนกลางคืนด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของหมู่บ้านโบราณโอจิ จูคุแห่งนี้ค่ะ

เดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงบันไดตรงตีนเขาที่เป็นทางขึ้นไปชมวิวมุมสูงของหมู่บ้าน เราก็เจอป้ายเตือนค่ะ เป็นประกาศการงดใช้บันไดนี้ในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากอันตราย แต่สามารถใช้ทางเดินเท้าด้านซ้ายมือได้ สำหรับคนที่ไม่ทราบอาจจะคิดว่าจุดชมวิวด้านบนปิด แต่จริงๆ แล้วแค่งดใช้บันได สามารถเดินขึ้นไปด้านบนได้นะคะ

เดินขึ้นแนวสันเขามาสักพักก็จะเห็นศาลเจ้าขนาดเล็กค่ะ แวะไปก็ไหว้ซะหน่อย ด้านบนไม่มีคนอยู่ในศาลเจ้า แต่สามารถไปขอพรได้นะคะ

และนี้คือภาระกิจในครั้งนี้ของเราค่ะ การขึ้นมาเก็บภาพหมู่บ้านโบราณโอจิ จูคุ (Ouchi-juku) จากมุมสูง มองเห็นทอดยาวไปถึงด้านนอกหมู่บ้านเลย บ้านโบราณหลังใหญ่ที่เราเห็นเมื่อครู่ตอนนี้ก็เห็นเป็นเพียงหลังเล็กๆ อีกทั้งยังปกคลุมไปด้วยหิมะ นับว่าเป็นทิวทัศน์ที่หาชมได้เพียงแค่ฤดูหนาวเท่านั้นจริงๆ ค่ะ

ขากลับก็แวะดูคุณตาคุณยายเขาโกยหิมะกันค่ะ เห็นแล้วก็อยากไปช่วยเขานะคะเพราะเราเรียนมาแล้วจากในรีวิวที่ Nishi-aizu International Art Village อิ อิ คือตอนเข้ามาหญ้าคาที่มุงหลังคาว่าหนาแล้ว เจอหิมะเกาะเข้าไปอีกยิ่งหนาค่ะ ขุดจนจะเป็นหลุมแล้วยังไม่เห็นหลังคาเลย คุณตาเขาค่อยๆ เลาะหิมะออก แล้วคุณยายด้านล่างจะลากไปทิ้งคูน้ำหน้าบ้านค่ะ สายน้ำที่ไหลต้องเย็นมากแน่ๆ ใครเอาเครื่องดื่มไปแช่แป็บๆ ก็ดื่มได้เลย เย็นมากก

สำหรับวันนี้ขอลากันไปเพียงเท่านี้ หวังว่าข้อมูลที่แอดมินรวบรวมมาให้จะเป็นประโยชน์แก่ใครหลายๆ คนที่อยากมาชมหมู่บ้านโบราณแห่งนี้นะคะ สวัสดีค่าาา

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) เที่ยวปราสาทนกกระเรียนแห่งจังหวัด Fukushima

เทียบราคาโรงแรมที่พักในฟุคุชิมะ


บทความเที่ยวฟุคุชิมะ (Fukushima) ดูทั้งหมด »

• การเดินทาง

· การเดินทางจากโตเกียว/เซนไดไปฟุคุชิมะ (Tokyo/Sendai → Fukushima)
· JR EAST PASS (Tohoku area) พาสเที่ยวโตเกียว – โทโฮคุ สุดคุ้มใน 5 วัน

• ท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อน

· [รีวิว] Gyoza no Terui เกี๊ยวซ่าสุดอร่อยในฟุคุชิมะ ที่ต่อแถวนานกว่าชั่วโมง!
· [รีวิว] พาไปเที่ยวสวนเชอร์รี่แบบทานไม่อั้นที่เมือง Aizu-wakamatsu

• ท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาว

· [รีวิว] สวน Kankouen Kyuchan เก็บสตรอว์เบอร์รี่พร้อมทานไม่อั้น
· [รีวิว] Nishi-aizu International Art Village กิจกรรมโกยหิมะและเล่นหิมะ
· [รีวิว] หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku) ยลโฉมหมู่บ้านโบราณช่วงฤดูหนาว
· [รีวิว] ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) เที่ยวปราสาทนกกระเรียน
· [รีวิว] จุดชมวิวรถไฟ Tadami Line ณ Tadami River First Bridge Viewpoint
· [รีวิว] ทะเลสาบอินะวะชิโระ (Lake Inawashiro) ทะเลสาบกระจกแห่งสวรรค์

• ร้านอาหาร

· [รีวิว] ร้าน Tonkatsu Banban กับซอสคัตสึด้งรสชาติเมือง Aizu-wakamatsu
· [รีวิว] ร้าน Takino ชวนชิมอาหารท้องถิ่นชาว Aizu-Wakamatsu

• โรงแรมที่พัก

· [รีวิว] Harataki Ryokan Aizu-Wakamatsu แช่ออนเซ็นชิลๆ แบบส่วนตัว
· [รีวิว] Green Hotel Aizu โรงแรมที่พักใกล้สถานี Aizu-Wakamatsu
· [รีวิว] Hotel Listel Inawashiro โรงแรมพร้อมลานสกีใกล้ทะเลสาบ Inawashiro

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com