กลับมาอีกครั้งกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูร้อน วันนี้แอดมินขอเอาใจคนที่ชอบเที่ยวปราสาทต่างๆ ในญี่ปุ่นกันค่ะ นั่นก็คือ ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “ปราสาทอีกาดำ” รวมถึงสวนโคราคุเอ็น (Korakuen Garden) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆ กับปราสาทแห่งนี้ ว่าแต่ทำไมถึงเรียกปราสาทอีกาดำกันล่ะ เดี๋ยวแอดมินจะพาไปหาคำตอบนะคะ

*ปราสาทโอคายาม่ามีการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2021 และจะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2022

เกี่ยวกับปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle)

ประวัติความเป็นมา

ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle / 岡山城) ตั้งอยู่ในจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) สร้างโดยอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ (Ukita Hideie) เมื่อปี ค.ศ. 1570 และสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1597 โดยใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 8 ปี ด้านนอกปราสาทมีลักษณะเป็นสีดำทั้งหลังคาและผนัง จึงได้รับการขนานนามว่า “ปราสาทอีกา (U-Jo)” โดยเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นปราสาทซึ่งมีลักษณะตรงข้ามกับปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ที่เป็นปราสาทสีขาวล้วนทั้งผนังและหลังคาเช่นเดียวกัน

น่าเสียดายที่ตัวปราสาทโอคายาม่าดั้งเดิมนั้นถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1966 ดังนั้นโครงสร้างที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นปราสาทที่มีการสร้างจำลองแทนปราสาทดั้งเดิมนั่นเอง

สำหรับที่ตั้งของปราสาทนั้นอยู่ติดกับแม่น้ำอาซาฮี (Asahi River) โดยใช้เป็นคูรอบปราสาท ส่วนฝั่งตรงข้ามแม่น้ำนั้นก็เป็นที่ตั้งของสวนโคราคุเอ็น (Korakuen Garden) ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนที่มีทิวทัศน์สวยที่สุดของญี่ปุ่น สวนแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1687 โดยสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1700

อีเว้นท์ที่น่าสนใจ

ฤดูใบไม้ผลิ

  • Ujo Hinamatsuri (อุโจ ฮินะมัตสึริ) เป็นงานแสดงตุ๊กตาฮินะในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของเด็กผู้หญิง
  • Ujo Oshiro Asobi (อุโจ โอชิโระ อาโซบิ) เป็นงานที่สามารถสวมชุดเกราะโบราณแล้วถ่ายรูปกับปราสาทได้ มีกิจกรรมหน้าปราสาท ให้เด็กได้เล่น เช่น ปราบยักษ์ ดื่มชากลางแจ้ง ชมปราสาท เด็กผู้ชายค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ

ฤดูร้อน

  • Ujo Togenkyo (อุโจ โทเก็นเคียว) งานแสดงไฟตามพื้นที่รอบๆ ปราสาท คล้ายกับงานแสดงไฟในหน้าร้อน โดยเปิดให้เข้าชมงานในช่วงค่ำ ยิ่งใส่ยูคาตะมาจะยิ่งได้บรรยากาศมากๆ

ฤดูใบไม้ร่วง

  • Ukita Hideie Festival เป็นงานที่เกี่ยวกับครอบครัวของ Ukita Hideie มีการแสดงด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณมากมาย เช่น การยิงปืน เต้นระบำ ศิลปะการต่อสู้ด้วยดาบ การฝึกเหยี่ยว (คล้ายๆ กับกิจกรรมวันรำลึกเมืองไทย) ส่วนใหญ่เน้นกิจกรรมผู้ชาย
  • Okayama Chrysanthemum Flower Grand Event เป็นงานเทศกาลดอกเบญมาศแห่งโอคายาม่า

ฤดูหนาว

  • Ujo Hatsuyume Matsuri (อุโจ ฮัตสึ ยุเมะ มัตสึริ) เทศกาลความฝันแรกแห่งปีในช่วงวันแรกของปีใหม่ โดยจะมีการเชิดสิงโตให้ชม

ค่าเข้าชม

Okayama Castle

  • ตั๋วปกติ (Individual Ticket):
    • ผู้ใหญ่(อายุ 15 – 64 ปี) 320 เยน
    • เด็ก/นักเรียน (ประถม – มัธยมต้น) 130 เยน
  • ตั๋วชุด (Combine Ticket):
    • Okayama Castle + Korakuen ผู้ใหญ่ 580 เยน, เด็ก 260 เยน
    • Okayama Castle + Korakuen + Hayashibara Museum of Art 980 เยน

Korakuen Garden

  • ตั๋วปกติ (Individual Ticket):
    • ผู้ใหญ่(อายุ 15 – 64 ปี) 410 เยน
    • เด็ก/นักเรียน(ทารก ‐ 14 ปี) ฟรี
    • สูงอายุ (อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป) 140 เยน
  • ตั๋วชุด (Combine Ticket):
    • Korakuen + Okayama Prefectural Museum ผู้ใหญ่ 520 เยน
    • Korakuen + Okayama Castle ผู้ใหญ่ 580 เยน, เด็ก 260 เยน
    • Korakuen + Okayama Castle + Hayashibara Museum of Art 980 เยน

*มีการปรับราคาเข้าชมตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2019

เวลาทำการ

Okayama Castle

  • 9:00-17:30 น. (เข้าก่อน 17:00 น.)
  • วันหยุด 29 – 31 ธันวาคม

*ปราสาทปิดปรับปรุงชั่วคราวตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2021 – เดือนพฤศจิกายน 2022

Korakuen Garden

  • 20 มีนาคม – 30 กันยายน 07:30-18:00 น. (เข้าก่อน 17:45 น.)
  • 1 ตุลาคม – 19 มีนาคม เวลา 8.00 – 17.00 น. (เข้าก่อน 16:45 น.)

วิธีการเดินทาง

Okayama Castle

  • เดินเท้า: เดินจากสถานี JR Okayama ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
  • รถราง: นั่งรถรางจากสถานี JR Okayama มาลงที่ป้าย Shiroshita แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
  • รถบัส: นั่งรถบัสจากสถานี JR Okayama มาลที่งป้าย Kenchomae แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

Korakuen Garden

  • เดินเท้า: เดินจากสถานี JR Okayama ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
  • รถราง: นั่งรถรางจากสถานี JR Okayama มาลงที่ป้าย Shiroshita แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
  • รถบัส: นั่งรถบัสจากสถานี JR Okayama มาลที่งป้าย Korakuenmae ที่บริเวณหน้าสวน

รีวิวเที่ยวสวนโคราคุเอ็น (Korakuen Garden)

ทริปโอคายาม่านี้เป็นช่วงเดือนสิงหาคมก่อนโควิด-19 ระบาดและเป็นช่วงก่อนการปรับปรุงปราสาทครั้งใหญ่นะคะ แอดมินเดินทางมากับผองเพื่อนโดยรถบัสเพื่อความประหยัด หรือจะนั่งแท็กซี่ก็ได้ แต่คนที่มีเวลาและมาคนเดียวก็แนะนำให้นั่งรถรางมาค่ะ เพราะสิ่งที่น่าสนใจคือ เมืองนี้มีรถรางวิ่งเลียบไปกับถนน ได้เปลี่ยนบรรยากาศก็ดีเหมือนกันนะคะ

เครื่องจำหน่ายตั๋วเข้าชม
ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

เราเดินจากลานจอดรถมาถึงจุดจำหน่ายตั๋วไม่เกิน 5 นาทีค่ะ การซื้อตั๋วก็สะดวกสบายมากค่ะ มีทั้งแบบซื้อจากเจ้าหน้าที่และซื้อจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หน้าจอซื้อตั๋วมีรูปให้ดูด้วย ทำให้เราอุ่นใจว่าคงไม่ซื้อตั๋วผิดหรอก ฮ่าๆ ส่วนตัวเราซื้อแบบ Combine Ticket เป็นตั๋วที่รวมค่าเข้าชมปราสาทโอคายาม่าและสวนโคราคุเอ็น ราคา 560 เยนเท่านั้นค่ะ แอดมินแนะนำว่าควรซื้อตั๋วแบบนี้จะประหยัดกว่ามากสำหรับคนที่จะชมทั้ง 2 แห่งค่ะ

*Combine Ticket มีการปรับราคาเป็น 580 เยนสำหรับผู้ใหญ่ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2019

แผนที่จากสถานี Okayama – Korakuen Garden – Okayama Castle

ครั้งนี้แอดมินเข้าทางประตูสวนโคราคุเอ็น คือเราจะเดินชมจากสวนโคราคุเอ็นแล้วค่อยๆ เดินลัดเลาะไปชมปราสาทค่ะ สำหรับคนที่อยากชมปราสาทอย่างเดียวแนะนำให้เข้าทางปราสาทโดยตรง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินข้ามสวนค่ะ เพราะว่าระยะทางค่อนข้างไกล จากแผนที่ข้างต้นจะเห็นว่าสวนและปราสาทอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ เชื่อมกันด้วยสะพานค่ะ ลองพิจารณาแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเข้าชมจากฝั่งไหนก่อนค่ะ

ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็มาหยิบเอกสารฟรีข้างๆ ที่จำหน่ายตั๋วก่อนค่ะ มีหลายภาษา เราก็หยิบภาษาอังกฤษค่ะ แนะนำให้ถือไปด้วยนะคะ เพราะว่าสวนกว้างมาก จะได้เลือกชมตามจุดไฮไลท์ตามจุดต่างๆ ช่วยประหยัดเวลาในการเดินไปได้ค่ะ

สวนโคราคุเอ็น (Korakuen Garden) แห่งนี้เป็นสวนที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 3 สวนขึ้นชื่อ ซึ่งประกอบไปด้วย สวนไคราคุเอ็น (Kairakuen Garden) แห่งเมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ และสวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) แห่งเมืองคานาซาว่า จังหวัดอิชิคาว่า เป็นสวนที่มีองค์ประกอบของธรรมชาติที่สวยงาม อาทิ สระน้ำ ภูเขาจำลอง และยังได้รับ 3 ดาวของมิชลินกรีนไกด์ของญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ

ในสวนที่มีบริเวณกว้างขวางถึง 13 เฮกเตอร์ หรือประมาณ 80 กว่าไร่ แบบว่ากว้างมากกก ภายในสวนได้รวบรวมเอาสุนทรียภาพของขุนนางเอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้นานาชนิดที่จะออกดอกให้ชมความงามตลอดทั้งปี รวมทั้งยังมีพื้นที่เลี้ยงนกกระเรียนหัวแดง และในบางช่วงเราสามารถเห็นนกกระเรียนออกมาเดินเล่นในสวนด้วย (มีช่วงเวลากำหนด) นอกจากนี้ก็ยังมีโรงน้ำชาแบบดั้งเดิม และห้องชงชาแบบโบราณที่ถือว่าเป็นศิลปะชั้นสูง รวมทั้งบ่อน้ำกว้างหลายบ่อ เป็นต้น

ช่วงที่แอดมินไปเป็นช่วงฤดูร้อน เราจึงได้ชมธรรมชาติสีเขียวสดตลอดทั้งสวน และยังเป็นช่วงที่มีการจัดงานศิลปะจากไม้ไผ่เอาไว้ตามจุดต่างๆ อีกด้วย นักท่องเที่ยวที่มาในแต่ละช่วงก็จะได้เห็นงานศิลปะในหลากหลายรูปแบบที่ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ และโดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะมีการจัดงานแสดงไฟ เรียกว่า “Genso Teien” หรือสวนแห่งความฝัน ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มาสวนแห่งนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ

นอกจากสระบัวแล้วก็มีบ่อน้ำที่เลี้ยงปลาคราฟเอาไว้ด้วยค่ะ เท่าที่สังเกต บ้านที่มาเป็นครอบครัวหรือมีเด็กๆ มาด้วยจะชอบจุดนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเราสามารถดูปลาคราฟได้แบบใกล้ชิดมากๆ เลยนะคะ ตัวใหญ่มากๆ ด้วย เด็กญี่ปุ่นโดยเฉพาะเด็กผู้ชายจะชอบปลาพวกนี้เป็นพิเศษค่ะ

เมื่อแอดมินลองไปชมน้องในระยะใกล้แล้ว ต้องบอกว่าสวยงามมากจริงๆ ค่ะ คนที่เลี้ยงน่าจะรู้ว่า เลี้ยงว่ายากแล้ว แต่เลี้ยงให้สีออกมาสดสวยนั้นยากกว่า ดูน้องตัวนี้แล้ว นึกถึงโฆษณาอาหารปลาเลยค่ะ สีสวย ไม่อ้วนจนเกินไป และยังชอบคนด้วยนะคะ ชอบว่ายมาใกล้ๆ แม้จะไม่มีอาหารปลาก็ตาม

ในฤดูร้อนนั้นมีการจัดกระดิ่งแก้วที่วาดโดยนักเรียนชั้นประถมที่มีความฝัน ห้อยประดับเอาไว้อย่างสวยงาม ตอนที่สายลมพัดมาก็จะได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ สดชื่นสุดๆ ตรงนี้เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวยๆ และให้บรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่นอย่างมากเลยค่ะ

เดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็เจอกับบริเวณกรงนกกระเรียนที่ทางสวนเลี้ยงเอาไว้ นกกระเรียหัวแดงเป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของสวนโคราคุเอ็นนั่นเองค่ะ ที่สวนแห่งนี้จะมีการเลี้ยงนกกระเรียนเอาไว้เต็มสวนมาตั้งแต่สมัยเอโดะเลยค่ะ เราสามารถชมนกกระเรียนเดินเล่นไปมาตามสวนได้เลย แต่ปัจจุบันน้องกระเรียนสามารถออกมาเดินเล่นได้เฉพาะเวลาที่ทางสวนกำหนดในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนกุมภาพันธุ์เท่านั้นค่ะ ซึ่งช่วงที่น้องออกมาเดินเล่น คนก็จะเยอะเป็นพิเศษเลยค่ะ

เดินลัดเลาะมาด้านข้างทางที่จะเดินไปปราสาทจะเจอกับ “สระดอกไม้” อยู่ด้านหลังโรงน้ำชาและอาคาร Kakumei-kan จะเห็นดอกบัวที่ขยายเต็มสระ บางพื้นที่ก็มีกสนปลูกดอกไอริช ข้าว ชา และอื่นๆ ที่เหมาะสมกับฤดูกาลนั้นๆ ส่วนด้านนอกจะมีกำแพงต้นไม้ที่ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนตัวอีกด้วยค่ะ ถ้าพูดถึงอากาศในฤดูร้อน ก็ไม่ร้อนมากเมื่อเที่ยบกับเมืองไทย แต่อบอ้าวมากกว่า แนะนำให้พกน้ำและจิบน้ำบ่อยๆ นะคะ

อีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นที่รู้จักของสวนโคราคุเอ็นคือ Enyo-tei House ซึ่งเป็นโรงน้ำชา หรือ Ocha-ya ที่แอดมินได้เกริ่นไปแล้วก่อนหน้านี้ค่ะ แต่เดิมเป็นเพียงเรือนริมน้ำ โดยเป็นห้องนั่งเล่นของไดเมียว (ผู้ปกครองแคว้นในสมัยโบราณ) ตั้งอยู่ติดกับอาคาร Kakumei-kan มีการก่อสร้างแบบตามลักษณะของเรือนโบราณ และสวนญี่ปุ่นแบบดังเดิมที่ประกอบไปด้วย สวนหิน น้ำและต้นไม้ เป็นทัศนียภาพอันงดงามในแบบญี่ปุ่นโบราณจริงๆ ค่ะ

เดินมาเกือบถึงปราสาทโอคายาม่าแล้วค่ะ แต่เหลือบไปเห็นร้านไอศกรีมก่อน ก็อดแวะไม่ได้ เพราะแสงแดดแผดเผามาก มีร้านให้แวะหลักๆ คือร้าน Shiromi Chaya จำหน่ายเครื่องดื่มเย็นๆ และอาหารง่ายๆ และมีที่นั่งให้รับประทานอาหารริมน้ำด้วย อีกร้านคือร้าน Hekisuien เป็นร้านที่ติดกับท่าเรือเช่าเรือเป็ด (หรือนกกระเรียนนะ 555) เป็นร้านอาหารเหมือนกัน นั่งทานไปด้วย ชมวิวปราสาทไปด้วย มันฟินดีจริงๆ ถ้าไม่รีบก็มานั่งทานชิลๆ ก่อนได้นะคะ ส่วนด้านข้างเป็นสะพาน Tsukimi Bridge ที่เราจะข้ามฝั่งไปยังปราสาทโอคายาม่านั่นเองค่ะ

จากมุมนี้เราสามารถถ่ายรูปปราสาทโอคายาม่าหรือที่เรียกกันว่าปราสาทอีกาได้แบบชัดแจ๋วเลยค่ะ ท้องฟ้าสีกำลังสวย ตัดกับตัวปราสาทสีเข็มได้อย่างชัดเจนค่ะ ในรูปอาจจะดูไม่ใหญ่มาก แต่หากมองด้วยตาจะรู้ว่าปราสาทค่อนข้างใหญ่ แม้จะมองจากระยะไกลก็ตาม

รีวิวเที่ยวปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle)

ประตูทางเข้าปราสาท

เดินข้ามสะพาน Tsukimi Bridge มาแล้ว เราก็จะเข้าสู่การชมปราสาทโอคายาม่ากันแล้วค่ะ ประตูทางเข้าก็อยู่ตรงบริเวณกำแพงหินใหญ่โตมหึมานั่นเอง เป็นประตูไม้มีหลังคา ต้องเดินขึ้นบันไดกันต่อนะคะ คนญี่ปุ่นนี่ชอบสร้างบันไดกันตั้งแต่โบราณจริงๆ ขยันเดินกันมาก (แซวเล่น 555)

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวปราสาทอย่างเดียว สามารถซี้อบัตรเข้าชมได้ที่ทางเข้าปราสาทเลยค่ะ ด้านซ้ายเป็นคำอธิบายค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เย็น เด็กไม่เกินมัธยมต้น 120 เยน ค่ะ ด้านขวาเป็นอธิบายเกี่ยวกับส่วนประกอบของปราสาทแต่ละชั้นค่ะ

*ค่าเข้าชมปราสาทมีการปรับราคาเป็น 320 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 130 เยนสำหรับเด็ก ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2019

ภาพปราสาทอีกาแบบใกล้ๆ ลองเทียบกับตัวคนที่เดินเข้าไป จะเห็นได้ว่าตัวปราสาทใหญ่พอสมควรเลยค่ะ แต่จะบอกว่าด้านในปราสาทไม่มีแอร์นะคะ อาจจะร้อนอบอ้าวไปซักหน่อย ใครชอบอากาศเย็นๆ แนะนำมาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงค่ะ อากาศดี อีเว้นท์เยอะ บางทีจะได้เจอนกกระเรียนอีกด้วย ส่วนงานแสดงต่างๆ ที่ด้านหน้าและด้านในปราสาทมีให้ชมตลอดทั้งปีเลยค่ะ

ด้านในปราสาทมีทั้งหมด 6 ชั้น การขึ้น-ลงปราสาทนั้นใช้บันไดกลางนั่นเองค่ะ โดยชั้นสูงสุดจะเป็นจุดชมวิวด้วยกล้องส่องทางไกลค่ะ ส่วนชั้น 2-5 เป็นโซนของการจัดนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ รวมถึงโซนที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมกับกิจกรรมได้ค่ะ แต่หากไม่ได้ศึกษาภาษาญี่ปุนอยู่แล้ว ก็ฟังที่เขาบรรยายไม่ค่อยออกค่ะ เน้นดูของสวยๆ งามๆ และหากิจกรรมสนุกๆ กันดีกว่านะคะ

โซนที่แอดมินชอบมากคือ ส่วนที่จัดแสดงผ้าและกิโมโนค่ะ ลวดลายสวยงามมากจริงๆ หากสังเกตที่ลายของกิโมโนก็จะเห็นนกกระเรียน ซึ่งเป็นจุดเด่นของสวนโคราคุเอ็นอีกด้วยนะคะ เป็นลวดลายที่แสดงถึงความเป็นโอคายาม่าจริงๆ ค่ะ

นอกจากชมความงามแล้ว เรายังสามารถสวมใส่กิโมโนได้ฟรีอีกด้วยที่บริเวณชั้น 2 ของปราสาท ตั้งแต่เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป รอบสุดท้ายคือ 15:00 น. จำกัดชั่วโมงละ 5 ท่านเท่านั้น และไม่สามารถจองล่วงหน้าได้อีกด้วยค่ะ

บ้านเรือนจำลองภายในปราสาทมีการแบ่งเป็นช่องๆ ในเราเดินชมค่ะ เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นญี่ปุ่นแบบเก่าแก่มากๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของคนในอดีตไปด้วยนั่นเอง

อีกโซนหนึ่งที่จับต้องได้ เป็นโซนของเล่นพื้นบ้านญี่ปุ่นค่ะ ส่วนตัวแอดมินเคยเล่นแต่เคนดามะ พวกโยนห่วง ผูกเชือก หรือลูกข่างแบบญี่ปุ่นคือยังไม่เคยเล่นเลย แต่เขามีวิธีเล่นติดไว่ให้ลองทำตามนะคะ สามารถลองเล่นได้ ขำๆ สนุกๆ ค่ะ

Bizenyaki Studio เป็นอีกโซนหนึ่งที่แอดมินชอบและรู้สึกว่าน่าสนใจดีค่ะ โซนทำเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่บริเวณชั้นหนึ่งใกล้ๆ ร้านขายของฝาก รีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,230 เยน (ไม่รวมค่าส่ง) ใช้เวลาประมาณ 60 นาทีในการปั้น เปิดให้บริการตั้งแต่ 10:00 น. ถึงรอบสุดท้าย 15:00 น. แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความคิดสร้างสรรค์เลย มีแต่ความสิ้นคิดค่ะ ฮ่าๆ คือเราสามารถปั้นเครื่องปั้นดินเผาของตัวเองได้ แล้วเขาจะส่งกลับไปที่บ้านให้ค่ะ น่าเสียดายที่นักท่องเที่ยวไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่น ไม่งั้นก็จะลองทำดูค่ะ กิจกรรมนี้ได้รับความนิยมในหมู่ครอบครัว ให้เด็กๆ ได้สร้างสรรค์ของที่เป็นของตัวเอง เขาก็จะภูมิใจมากๆ ค่ะ

ส่งท้าย

แอดมินขึ้นไปชมวิวด้านบนของปราสาทก่อนเลยอันดับแรก เพราะข้างล่างคนเยอะ แล้วค่อยลงมาทำกิจกรรมด้านล่างตอนคนเริ่มซา ก่อนกลับก็ซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากคนที่บ้าน สำหรับคนที่สนใจมาเที่ยวปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle) แอดมินแนะนำให้วางแผนและหาข้อมูลก่อน เช่น ช่วงที่มามีการจัดเทศกาลอะไรรึเปล่า ซากุระบานรึยัง ใบไม้เปลี่ยนสีช่วงไหน หรือมีงานแสดงไฟมีช่วงไหนบ้าง จะทำให้เพื่อนๆ เที่ยวสวนโคราคุเอ็นและปราสาทโอคายาม่าได้สนุกยิ่งขึ้นค่า สำหรับวันนี้แอดมินลาไปก่อน สวัสดีค่า

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เที่ยวคุราชิกิ (Kurashiki Bikan Historical Quarter) ชมเมืองเก่าในโอคายาม่า

เทียบราคาโรงแรมที่พักในโอคายาม่า


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com