สวัสดีค่า ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมของญี่ปุ่นเป็นช่วง Golden Week ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน งานนี้เราไม่มีทางพลาดที่จะออกท่องเที่ยวกับเขาบ้าง ซึ่งแอดมินก็เลือกไปเที่ยวสวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค (Hitachi Seaside Park) ที่อยู่ใกล้ๆ โตเกียวนี่เองค่ะ เพื่อไปชมทุ่งดอกเนโมฟีลา (Nemophila) ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้มีสีฟ้าอันเลื่องชื่อ วันนี้จึงอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆ กันค่ะ อิอิ

เกี่ยวกับสวน Hitachi Seaside Park

สาระและเกร็ดน่ารู้

สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค (Hitachi Seaside Park / 国営ひたち海浜公園) เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแปซิฟิกในเมืองฮิตาชินากะ (Hitachinaka) ของจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงอย่างโตเกียว (Tokyo) โดยรถไฟและรถบัสประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียว

ฤดูกาลดอกไม้

นักท่องเที่ยวสามารถมาชมความงามดอกไม้หลากหลายพันธุ์ของสวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์คได้ตลอดทั้ง 4 ฤดู โดยมีดอกไม้และพันธุ์ไม้ที่เป็นไฮไลท์ดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ

ดอกไม้ช่วงเวลาที่เหมาะกับการชม
ดอกเนโมฟิลา (Nemophila)กลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม
ดอกนาร์ซิสซัส (Narcissus) /
ดอกแดฟโฟดิล (Daffodil)
ต้นเดือนมีนาคม – กลางเดือนเมษายน
ดอกทิวลิป (Tulip)เดือนเมษายน
ดอกป๊อปปี้ (Poppy)กลาง – ปลายเดือนพฤษภาคม

ฤดูร้อน

ดอกไม้ช่วงเวลาที่เหมาะกับการชม
ดอกกุหลาบ (Rose)กลางเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนมิถุนายน
ต้นโคเชีย (Kochia) สีเขียวกลางเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนกันยายน

ฤดูใบไม้ร่วง

ดอกไม้ช่วงเวลาที่เหมาะกับการชม
ต้นโคเชีย (Kochia) สีแดงกลางเดือนตุลาคม
ต้นโคเชีย (Kochia) สีเหลืองทองปลายเดือนตุลาคม
ดอกคอสมอส (Cosmos)กลาง – ปลายเดือนตุลาคม
ดอกกุหลาบ (Rose)กลางเดือนตุลาคม – ปลายเดือนพฤศจิกายน

ฤดูหนาว

ดอกไม้ช่วงเวลาที่เหมาะกับการชม
ไอซ์ทิวลิป (Ice Tulip)กลางเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมกราคม

วิธีการเดินทางมาสวน Hitachi Seaside Park

นั่งรถไฟ JR จากในโตเกียวมาลงสถานี Katsuta ในจังหวัดอิบารากิใช้เวลาประมาณ 80 – 140 นาที (ขึ้นอยู่กับขบวน) แล้วต่อรถบัส Ibaraki Kotsu มาลงที่ป้าย Kaihin Koen Nishiguchi ใช้เวลาอีกประมาณ 15 นาที

การเดินทางโดยรถไฟจาก Tokyo/Ueno → Katsuta

สามารถเดินทางโดยรถไฟได้ 2 แบบ

1. รถไฟด่วนพิเศษ
Tokyo - Katsuta

นั่งไฟแบบรถด่วนพิเศษ (Limited Express) ได้ 2 ขบวน คือ Hitachi และขบวน Tokiwa จากสถานี Tokyo หรือ Ueno มาลงที่สถานี Katsuta ใช้เวลาประมาณ 80 – 90 นาที (สามารถใช้ JR Pass ได้)

Limited Express Train

ตัวอย่างรถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) ค่ะ ที่นั่งด้านในจะคล้ายๆ ชินคังเซน สบายๆ ชิลๆ เงียบกริบหลับสบายมาก สบายจนอยากให้เครื่องบินมีที่นั่งแบบนี้ อิอิ (ไม่มีภาพด้านในเนื่องจากไม่ได้ขึ้นรถด่วนนะคะ)

2. รถไฟธรรมดา

นั่งไฟแบบธรรมดสาย JR Joban Line จากสถานี Ueno มาลงที่สถานี Katsuta ใช้เวลาประมาณ 135 – 140 นาที (สามารถใช้ JR Pass ได้)

JR Joban Line

บรรยากาศในรถไฟขบวนธรรมดาค่ะ เหมือนกับรถธรรมดาไฟในโตเกียวเลย ช่วงออกจากโตเกียวคนจะยังไม่ค่อยเยอะ ถ้านั่งจากโตเกียวได้นั่งแน่นอนค่ะ หลับสบายๆ แป๊บๆ ตื่นมาก็ถึงแล้ว

การต่อรถบัสจากสถานี Katsuta ไป Hitachi Seaside Park

จากสถาน Katsuta ให้ออกทางออก East Exit แล้วมาขึ้นรถบัส Ibaraki Kotsu ที่ป้ายหมายเลข 2 มาลงที่ป้าย Kaihin Koen Nishiguchi ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

รีวิวเที่ยวสวน Hitachi Seaside Park

การเดินทางจากโตเกียว

ส่วนตัวเราเลือกเดินทางโดยรถไฟแบบธรรมดา เนื่องจากไม่อยากเจอสภาพรถติดช่วงหยุดยาว อีกอย่างการเดินทางจากที่พักก็ค่อนข้างสะดวกกว่า ขออนุญาติเริ่มต้นเส้นทางจากสถานี Nippori (อยู่ใกล้กับสถานี Ueno) และนั่งไฟแบบธรรมดสาย JR Joban Line ยาวจนถึงสถานี Katsuta ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง โดยออกจากสถานี Nippori ประมาณ 6:08 น. ถึงสถานี Katsuta ประมาณ 8:32 น.

บริเวณชานชาลาของสถานี Katsuta มองออกไปจะเจอป้ายบอกชื่อสถานีติดอยู่ จากนั้นก็เดินออกจากสถานีโดยใช้ประตูตะวันออก (East Exit / 東口) ทางออกจะอยู่ขวามือของที่ตอกตั๋วออกค่ะ

ช่วงนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของสวน ก็จะมีคนถือป้ายใหญ่ๆ บอกว่ามีรถบัสตรงถึงสวน Hitachi Seaside Park เลย และตรงทางออกบันไดเลื่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาแจกไกด์บุ๊ค พวกใบปลิวแนะนำสวน ฤดูกาลท่องเที่ยว เราก็รับมาใบหนึ่งค่ะ

แผ่นพับแผ่นเล็กจะแนะนำการท่องเที่ยวภายในจังวัดอิบารากิ และแผ่นใหญ่จะเป็นแนะนำการท่องเที่ยวของสวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์คในแต่ละฤดูค่ะ ตลอดปีจะมีดอกไม้นานาชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันผลิบาน เรียกได้ว่าเที่ยวได้เกือบตลอดทั้งปี สำหรับช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นต้นเดือนพฤษภาคมจะเป็นฤดูที่ทุ่งดอกไม้สีฟ้าเนโมฟิลา (Nemophila) บานพอดี แค่ภาพก็สวยแล้ว ของจริงจะสวยขนาดไหน

เราสามารถฝากสัมภาระไว้ในตู้ล็อกเกอร์ที่สถานีค่ะ ชมดอกไม้ชิลๆ ไม่ต้องแบกของหนักๆ ไปด้วย ตู้ล็อกเกอร์อยู่ใต้บันไดเลื่อนเลยนะคะ  มีราคาเดียว 300 เยน (กรุณาเตรียมเหรียญ 100 เยน เพราะไม่มีตู้แลกเหรียญ) ขนาดล๊อกเกอร์ไม่เล็กไม่ใหญ่ ใส่เป้ใบใหญ่ได้พอดี แต่ไม่สามารถใส่กระเป๋าลากได้

หลังจากฝากระเป๋าเรียบร้อยแล้วต้องต่อรถบัสไปที่สวนอีกประมาณ 15 นาที ให้ขึ้นที่ป้ายรถบัสหมายเลข 2 นะคะ จะเจอคุณลุง คุณพี่ เขานั่งขายตั๋วเหมือนคุณป้า ขสมก. บ้านเรา อิอิ

ช่วงนี้คนเยอะ คนขายตั๋วจะอยู่หน้าป้ายรถบัส ราคาเดียว 400 เยน จะซื้อไป-กลับเลยก็ได้ ในช่วงฤดูที่คนไม่เยอะมากให้ขึ้นรถบัสตามปกติและจ่ายเงินตอนลงค่ะ โดยขึ้นจากประตูหลังและลงประตูหน้า

จริงๆ แล้ว รถบัสจากสถานี Katsuta สามารถขึ้นได้ทั้งป้าย หมายเลข 1 และ หมายเลข 2 แต่ว่ารถบัสจากป้ายหมายเลข 1 จะพาเที่ยวทั่วเมืองค่ะ ==” หวานเยนสุดๆ ราคา 390 เยน

เรานั่งรถบัสประมาณ 15 นาทีเนื่องจากเป็นรถที่มาสวนโดยตรงโดยไม่จอดตามป้าย ในช่วงปกติจะใช้เวลาประมาณ 20 -30 นาที ขึ้นอยู่กับการจาราจร ลงป้าย Kaihin Koen Nishiguchi (海浜公園西口) ค่ะ เป็นประตูเข้าสวนทางด้านตะวันตก

ขากลับให้มารอที่ป้ายเดียวกับตอนมาค่ะ รอให้เขาเปลี่ยนป้ายรถบัสเป็น Katsuta Station (勝田駅) นะคะ เวลามาถึงและเวลาออกของรถบัสสามารถเช็คได้ที่ป้ายรถบัส (บวกเวลาอีกประมาณ 5 นาที ช่วงคนไม่เยอะค่ะ จะมาช้าหน่อย) โดยปกติรถบัสจะมาทุกๆ 20 นาที

บริเวณทางเข้าสวน Hitachi Seaside Park นั้นกว้างมากกก ถึงแม้คนจะหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย แต่ว่าไม่รู้สึกอึดอัดเลยไม่วุ่นวาย ไม่มีการแซงแถว การซื้อตั๋วจึงเร็วมากถึงแม้คนจะเยอะก็ตาม

การซื้อตั๋วเข้าชมสวน

ต้องซื้อตั๋วก่อนเข้าไปนะคะ ราคาตั๋ว 410 เยนสำหรับผู้ใหญ่, 210 เยนสำหรับผู้สูงอายุ และ 80 เยน สำหรับเด็ก ไม่แพงเลยใช่มั้ยคะ

หมายเหตุ: ปัจจุบันได้ปรับราคาเป็น 450 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 210 เยนสำหรับผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) ส่วนเด็กนักเรียนตั้งแต่มัธยมต้นลงไปเข้าฟรีค่ะ

จุดซื้อตั๋วจะเป็นเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ แต่ละตู้มีจุดแตกต่างกันคือ การรับแบงค์ไม่เหมือนกัน ตู้ด้านขวามือสุด 2 ตู้เป็นตู้ที่รับแบงค์ 10,000 เยน และ 5,000 เยน จุดสังเกตคือ ” ○ ” วงกลมด้านหน้าและตัวเลข 10,000 และ 5,000 ค่ะ

ตู้ด้านซ้ายสุด 3 ตู้รับแต่แบงค์ 1,000 เยน ไม่รับแบงค์ใหญ่อย่าง 5,000 หรือ 10,000 เยน สำหรับเหรียญไม่มีปัญหาใช้ได้ทุกตู้ค่ะ

ถัดจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติจะมี Information center ของสวน Hitachi Seaside Park ประจำประตูทางออกค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะมีปัญหาตามหากันไม่เจอ ถ้ามาแจ้งจุดนี้ก็จะมีเสียงตามสายประกาศตามหาและให้มาที่จุดนัดพบ สะดวกดีนะคะ ^^

พอผ่านประตูทางเข้าจะเจอป้ายนี้ค่ะ เป็นบริการรถรางภายในสวน มีทั้งแบบแยกรอบไป-กลับ ขาไป 300 เยน และขากลับ 200 เยน หรือว่าจะเป็น One-day Pass ตั๋วแบบเหมา 1 วัน 500 เยน เหมาะสำหรับคนที่อยากมาชมดอกไม้อย่างเดียว ไม่ต้องเดินให้เมื่อย ที่จอดรับคนจะอยู่ด้านหน้าเลย มองตรงไปจะเห็นคนเข้าแถวรอ และจะมีรถรางจอดรับคน

Guide

จุดถัดมาคือจุดไกด์ค่ะ สำหรับคนที่ไม่รู้ข้อมูลของสวน สามารถเข้าไปสอบถามได้ตลอดเวลา ข้างๆ จะมีแผนที่ขนาดใหญ่ งานนี้ไม่ต้องกลัวหลงเลย สะดวกมาก นอกจากนี้ยังมีแผนที่แบบพกพาสำหรับให้นักท่องเที่ยวเก็บติดตัวเพื่อเดินชมแต่ละจุดด้วยนะคะ

Guide Map

ตัวอย่างแผนที่แบบพกพาค่ะ คือบริเวณทั้งสวนกว้างมาก!

บรรยากาศภายในสวน

หลังจากเข้ามาในสวนแล้ว ให้เลือกเดินทางด้านซ้ายมือที่คนส่วนใหญ่เขาเดินกันนะคะ เดินตามๆ เขาไปได้เลย จากรูปด้านบน รถรางสีเขียวเล็กๆ ตรงมุมซ้ายมือคือจุดขึ้นรถรางค่ะ ส่วนตัวเราจะขอเดินเข้าไปเช่าจักรยานด้านในดีกว่า เดินไปทางซ้ายมือ ประมาณ 100 เมตร

เดินมาถึงที่มีจุดต้นไม้ใหญ่ๆ ต้นแรกๆ จะเห็นตึกนี้แอบอยู่ มีสัญลักษณ์รูปจักรยานค่ะ มันคือจุดเช่าจักรยานนั่นเอง ค่าเช่าเริ่มต้นที่ 310 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 210 สำหรับเด็ก ตอนที่เรามาถึงมีแถวค่อนข้างยาวและพนักงานบอกว่าตอนนี้คนเยอะ ต้องรอประมาณ 1 ชม. ดังนั้นจึงขอล่าถอยและเลือกเดินชมสวนแทนดีกว่า

บังเอิญว่ารถรางผ่านมาพอดี ได้โอกาสชักภาพเสียหน่อย รถน่ารักมาก…อยากให้เอามาใช้เป็นรถในมหาวิทยาลัยที่เมืองไทยบ้าง อิอิ ตอนรถมาจะมีเสียงเพลงบอกให้คนเดินหลีกทางให้ค่ะ และจะมีคนเดินนำหน้ารถคอยเคลียร์ทางให้ตลอด (ถ้าพี่เขาไปแข่งเดินเร็วต้องชนะเลิศระดับโลกแน่ๆ)

เดินเลยที่เช่าจักรยานมานิดเดียวเท่านั้นจะเจอกับสวนดอกทิวลิปที่เฉาหมดแล้ว T^T ดอกทิวลิปจะบานช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน แต่ก็ยังพอมีดอกไม้ชนิดอื่นให้ชมกันพอหอมปากหอมคอ สวยดีค่ะ ไม่รู้จักชื่อ แต่ว่าอยู่ข้างๆ สวนทิวลิปเลย

ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นคาเฟ่เล็กๆ ดูแถวนะคะ…งานนี้กว่าจะได้กิน 555 ใครที่ไม่มีเสบียงหรือไม่ได้ทานอะไรรองท้องมาก่อน แนะนำว่าให้หาอะไรทานก่อนเข้าไปข้างในดีกว่า เพราะร้านข้างในทุกร้านมีคนต่อคิวยาวมาก อาจจะต้องรอถึงหลายสิบนาทีเลยนะคะ

เดินถัดจากทิวลิปมาอีกหน่อยก็เจอทุ่งดอกไม้ชนิดแรกค่ะ ชื่อ Layia Elegans สีเหลืองสดใสบนเนินหญ้าสีเขียว ไม่มีกลิ่น ลำต้นสูงประมาณเข่า นักรักกรุบกริบ ^^ ตอนเราไปเจอแก๊งค์สาวไทย มาถ่ายรูปกันเป็นล่ำเป็นสัน นึกว่ามาถ่ายแบบที่สวนรถไฟ ^^

รูปนี้ถ่ายจากด้านบนสะพานค่ะ ถนนข้างล่างเขาแบ่งให้เป็นโซนสำหรับคนปั่นจักรยานโดยเฉพาะ ที่สวนแห่งนี้เขาแบ่งถนนสำหรับคนเดินและจักรยานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ ดีจังเนอะ

แวะข้างทางออกมาจากถนนสายหลักนิดหน่อย จะเจอคาเฟ่เล็กๆ อยู่ในบ้านค่ะ จิบกาแฟหอมๆ ลมเย็นๆ ได้กลิ่นธรรมชาติ มีวิวเป็นป่า มีนกร้องเพลงให้ฟังบรรยากาศนี่สุดยอดจริงๆ

วิวเบาๆ จากคาเฟ่กลางป่าขนาดย่อมๆค่ะ ไม่รกไม่โล่ง สบายตาดี สีเขียวๆ

เดินออกจากป่ามาก็เจอเขาปูเสื่อปิกนิกกันค่ะ บางคนก็มากันเป็นครอบครัว บางคนก็พาสัตว์เลี้ยงออกมาปิ๊กนิก เป็นบรรยากาศที่คงหาที่ไทยไม่ได้ ดูจากแดดแล้ว ==’’

ร้านอาหารแบบปิกนิกๆ ขายดีมาก แถวยาวววมาก บรรยากาศเป็นไปแบบสบายๆ คนคึกคัก แต่ชอบบรรยากาศหนึ่งคือ ดูไม่วุ่นวาย สะอาดตา ไม่มีการทิ้งขยะเรี่ยราดด้วย เขาเก็บไปทิ้งที่บ้านกันก็มีนะคะ

เดินต่อมาอีกก็เจอรถรางอีกขบวนแล้ววว สีเหมือนรถส่งนมโรงเรียนอนุบาลมาก อยากขึ้นไปนั่งเหมือนกันนะคะ อยากมุ๊งมิ๊งบ้างอะไรบ้าง มีเสียงรถไฟ ปู๊น ปู๊น ด้วย

ทุ่งดอกดอกเนโมฟิลา

หลังจากเดินจากกทางเข้ามาประมาณ 30 นาที (แวะถ่ายรูปไปทั่ว) และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของงานนี้! เนินเขาสีฟ้าที่เต็มด้วยดอกเนโมฟิลา (Nemophila) ซึ่งมีมากกว่า 4 ล้านต้น แค่ระยะไกลก็ยังสวย ยิ่งใกล้ๆ นี่บอกเลยว่าสวยมากกกกกกกกก

ทุ่งสีฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา ตลอดทางเดิน มีคนเดินอยู่ตลอดเวลา มองดูจากไกลๆ เหมือนมดตัวเล็กๆ ที่เดินไปตามแถวเลยค่ะ

มองจากด้านล่าง เห็นคนข้างบนแบบตัวลิบๆ เล็กๆ ทุ่งดอกไม้กว้างมาก สวยมาก ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาบรรยายเลย อยากให้มาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ค่ะ

ส่องดอก Nemophila แบบใกล้ๆ ดอกไม้เล็กๆ ที่สามารถสร้างความสุขให้คนมากมาย ดอกสีฟ้านี้จะมีให้ชมในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนะคะ แต่ตลอดทั้งปีจะมีดอกไม้อื่นๆ ผลัดกันบาน

เห็นคนมานั่งวาดรูปทุ่งอย่างใจจดใจจ่อด้วย แอบชอบบรรยากาศที่คนนั่งมองทุ่งดอกไม้แล้ววาดรูปไปด้วยจังเลย มีเสน่ห์มากเลยนะคะ

ท้องฟ้าสีครามกับดอกไม้สีฟ้า ถ้ามองไกลๆ ราวกับท้องฟ้าจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับทุ่งดอกไม้หลายล้านต้น

มีเจ้าดอกไม้สีส้มชูช่อโดดเด่นให้เห็นเป็นบางจุด เป็นสีสันเล็กๆ น้อยๆ ที่เราคิดว่า แปลกดีนะ มาอยู่ท่ามกลางสีฟ้าครามแบบนี้ยิ่งขับให้สีส้มโดดเด่นมากขึ้น

ด้านบนสุดจะเป็นระฆังให้เคาะค่ะ มีคนต่อแถวยาวเชียว แต่เสียงก็ดัังกังวานไปทั่วเนินเลยนะคะ ลมเย็นๆ กับเสียงระฆังกังวาล ไพเราะแบบสบายๆ ดีค่ะ

ร้านขายของด้านล่างเนินมีซอฟครีมสีฟ้าสีเดียวกับดอกไม้จำหน่าย ทานไปด้วยชมดอกไม้ไปด้วย ได้บรรยากาศมากๆ

ที่ข้างๆ ทุ่งดอกเนโมฟิลา (Nemophila) มีทุ่งดอกเรพซีด (Rapeseed) อยู่ใกล้ๆ สวยทีเดียว เป็นดอกไม้เล็กๆ สีเหลืองๆ คล้ายผักกาด ที่ญี่ปุ่นมีการนำมาผลิตเป็นน้ำมันทำอาหารด้วยค่ะ

เมื่อถ่ายภาพโดยนำดอกไม้ 2 ชนิดมารวมกัน สีสันตัดกันสวยงาม ^^

Hitachi Seaside Park Ibaraki

ทางด้านทุ่งดอก Rapeseed แบบเต็มๆ สวยแบบญี่ปุ่นดีค่ะ มีบ้านทรงญี่ปุ่นอยู่ด้านหลังด้วย ทำให้มองได้ไม่เบื่อเลย

ขาทางออกตรงสะพานมองออกไปด้านที่ติดกับทะเลจะเห็นวิวแบบนี้ค่ะ คนละแบบกับทะเลบ้านเราเลยใช่มั้ยคะ

เดินออกมาจากสวนแล้วจะเป็นส่วนของทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ มีคนญี่ปุ่นออกมาปิกนิกกันมากมาย ทั้งคู่รัก ครอบครัว พาสัตว์เลี้ยงวิ่งเล่น รวมถึงการเล่นกีฬาด้วย น่าสนุก และเป็นบรรยากาศที่หาได้ยากที่ญี่ปุ่นค่ะ

เดินผ่านส่วนที่เป็นสนามหญ้ามาแล้วจะเจอทุ่งดอกไม้เล็กๆ คล้ายๆ ทิวลิปแต่ว่าทิวลิปสวยกว่านะคะ อยู่ข้างทางเดินก็แวะ แชะภาพกันเสียหน่อย และข้างๆ เจ้าดอกไม้สีส้มนี้ก็เป็นสนาม BMX ค่า มีคอร์สสำหรับคนที่อยากลองจักรยานวิบากเบาๆ ดูบ้าง น่าสนใจทีเดียว มีครูฝึกกำกับตลอดเวลาด้วย ปลอดภัยหายห่วง

ฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนของชิงช้าสวรรค์และสนามกอล์ฟขนาดย่อม บรรดาคุณพ่อมักจะสอนกอล์ฟให้กับลูกชายหรือลูกสาวกันค่ะ น่ารักดี กิจกรรมแบบพ่อลูกที่หาบ้านเราคงยากซักหน่อย

ข้างใต้ของชิงช้าสวรรค์มีสวนสนุกอยู่ด้วย เด็กมาเล่นเยอะมากกก บรรดาเครื่องเล่นเป็นสำหรับแบบเด็กๆ แต่เห็นมีรถไฟเหาะด้วยนะคะ แต่ว่าไม่ได้หวาดเสียวกรี๊ดกร๊าดขนาดนั้น

สุดท้ายก็เป็นเมนูที่เราลองแก้เหนื่อย ไอศกรีมเมล่อนเนื้อสีส้ม เพราะจากที่สอบถามคนอิบารากิมาเขาบอกว่า ของมีชื่อเสียงก็เป็นเมล่อนกับมันฝรั่งล่ะมั้ง เขาว่ามางี้นะคะ อิอิ โคนนี้ราคาเบาๆ 400 เยน อร่อยสมกับที่ลองค่ะ สดชื่นมาก มีทั้งรส ทั้งกลิ่นจัดเต็ม ^^

ส่งท้าย

จบไปแล้วเรียบร้อยสำหรับการรีวิวชมทุ่งดอกเนโมฟีลา (Nemophila) ที่สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค (Hitachi Seaside Park) จริงๆ มีรูปมากกว่านี้อีกนะคะ แต่เกรงว่าจะยาวเกินไป สำหรับค่าใช้จ่ายโดยรวมของทริปนี้ อยู่ที่ 6,000 เยน – 7,000 เยน โดยประมาณ รวมทั้งค่ารถไฟไปกลับโตเกียว – อิบารากิ ค่าเข้าชมสวนและค่าขนมค่ะ

เขียนเมื่อ May 11, 2015
อัพเดทล่าสุด Apr 14, 2020

ค้นหาโรงแรมที่พักในโตเกียว


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com