หลายๆ ท่านน่าจะรู้จักรูปปั้น “ฮาจิโกะ” ที่ชิบูย่าในโตเกียวเป็นอย่างดี น้องเป็นสุนัขสายพันธ์อาคิตะ (Akita Inu) ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเรื่องของความซื่อสัตย์ วันนี้เราก็อยากจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดบ้านเกิดของฮาจิโกะกันค่ะ และยังเป็นสถานที่ที่สามารถพบปะสุนัขสายพันธุ์อาคิตะได้ นั่นก็คือ สวนสาธารณะเซ็นชู (Senshu Park) ที่จังหวัดอาคิตะ (Akita) นั่นเอง นักท่องเที่ยวสามารถมาชมสวนแห่งนี้ได้ตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล แถมยังเดินทางง่าย ใช้เวลาเพียง 10 นาทีจากสถานีรถไฟหลักของเมือง

เกี่ยวกับสวนสาธารณะเซ็นชู (Senshu Park)

สวนสาธารณะเซ็นชู (Senshu Park / 千秋公園) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่ในใจกลางเมืองอาคิตะ (Akita) ของจังหวัดอาคิตะ (Akita) เป็นที่ตั้งของปราสาทคุโบตะ (Kubota Castle) ซึ่งเป็นที่อยู่ของขุนนางผู้ปกครองเมืองคนแรกของแคว้นอาคิตะ ชื่อว่า Satake Yoshinobu ที่ได้รับคำสั่งให้ย้ายมาจากแคว้นฮิตาจิ (Hitachi) หลังสงครามเซกิงาฮาระ (Sekigahara) ช่วงต้นสมัยเอโดะ

ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1869 สมัยเมจิ ได้มีการคืนแผ่นดินให้แก่จักรพรรดิ พื้นที่แห่งนี้จึงได้รับการปรับปรุงให้เป็นสวนแบบญี่ปุ่น และกลายเป็นสวนสาธารณะที่สามารถชมธรรมชาติได้ทั้ง 4 ฤดูกาล โดยมีการออกแบบสวนให้เป็นไปตามระดับของดินที่ค่อยๆ ไล่ระดับจากตีนเขาขึ้นไปยังยอดเขาซึ่งมีปราสาทคุโบตะอยู่ด้านบนนั่นเอง บริเวณสวนมีพื้นที่กว้างขวาง โดยประกอบด้วยอาคารต่างๆ ส่วนธรรมชาติหลายส่วน เช่น

  • อาคารจัดแสดงคอนเสิร์ต Akita Art Theatre Mille Has
  • หอสมุดสาธารณะ Akita City Central Library Meitokukan
  • บริเวณประตูหน้าของปราสาท Kubota Castle Front Gate (จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยม)
  • ศาลเจ้าหลายแห่ง เช่น Hachiman Akita Shrine, Iyataka Shrine
  • รูปปั้นของผู้ปกครองแคว้นคนแรก Satake Yoshinobu Statue
  • จุดนัดพบสุนัขอาคิตะ Akitainufureaidokoro in Senshu Park

ข้อมูลการเยี่ยมชม

  • เวลาทำการ: เปิด 24 ชั่วโมง
  • ฤดูกาลที่เหมาะสมในการเข้าชมสวน:
    • ฤดูใบไม้ผลิ: กลางเดือนเมษายน – ปลายเมษายน (ซากุระบาน)
    • ฤดูร้อน: กลางเดือนกันยายน (เทศกาลดอกไม้ไฟ)
    • ฤดูใบไม้ร่วง: ปลายเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน (ใบไม้เปลี่ยนสี)
    • ฤดูหนาว: มกราคม – กุมภาพันธ์ (หิมะตก)
      [ดูแผนที่การชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี]
  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • วิธีการเดินทาง:
    • เดินจากสถานีรถไฟ Akita (JR และ Shinkansen) ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี

ปีวันที่เริ่มพีควันที่ร่วง
20237 พฤศจิกายน ~19 พฤศจิกายน ~
※ข้อมูลจาก weathernews.jp (อัปเดต 20 ตุลาคม 2023)
แนะนำพาสเที่ยวโทโฮคุ
Klook.com

รีวิวสวนสาธารณะเซ็นชู (Senshu Park)

สวนสาธารณะเซ็นชู (Senshu Park) เป็นสวนสาธารณะที่มีต้นไม้เยอะมากกก ดังนั้นเป้าหมายในการมาของเราในครั้งนี้คือการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ แต่น่าจะเร็วไปหน่อยสำหรับทริปนี้ เนื่องจากเราเดินทางไปประมาณกลางเดือนตุลาคม ใบไม้ส่วนใหญ่ในสวนจึงยังไม่เปลี่ยนสี เพียงแค่เริ่มๆ เท่านั้น เพื่อนๆ ที่อยากแวะมาที่สวน แนะนำให้มาช่วงปลายๆ เดือนตุลาคมนะคะ (อาจเลทไปช่วงต้นพฤศจิกายน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มสวยมากๆ

เราเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ Akita ก็เปิด Google Map เพื่อเดินมาที่สวนได้เลย ใช้เวลาประมาณ 7-10 นาทีเท่านั้น จุดสังเกตคือเป็นคูน้ำยาวเรียบถนนและมีดอกบัวอยู่ทั่วบริเวณ เราเห็นต้นไม้อีกฝั่งหนึ่งของคลอง เริ่มเปลี่ยนสีสันกันให้เห็นบ้างแล้ว

ทางเข้าของสวนมีหลายทาง เราสามารถเลือกทางเข้าที่ใกล้ที่สุดได้ แต่หากต้องการชมใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำให้เข้าทางประตู Nakado-Bashi Dori (中土橋通り) [ดูแผนที่] ซึ่งจะมีสัญลักษณ์คือดอกบัว และมีจุดถ่ายรูปดอกบัวอันเป็นจุดเด่นของสวนนี้ สามารถขับรถเข้าทางประตูนี้ได้ หรือจะเข้าทาง Kuromon Gate (黒門跡) [ดูแผนที่] ที่สามารถเดินเข้าได้ แต่ไม่สามารถขับรถยนต์ผ่านได้ค่ะ

เราเลือกเดินเข้าทางด้านประตู Kuromon Gate มานะคะ เมื่อผ่านทางเข้ามาแล้ว จะเห็นป้ายแนะนำสถานที่และจุดจอดจักรยานสำหรับผู้เข้าชมสวน ส่วนใหญ่หากเป็นคนในท้องถิ่นมักจะปั่นจักรยานมา ก็จอดไว้ตรงนี้ หรือว่านักท่องเที่ยวที่เช่าจักรยานก็ต้องจอดไว้จุดนี้เช่นกัน จากตรงนี้ขึ้นไปจะเป็นโซนที่ต้องเดินขึ้นเนินตลอด ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจุดนี้จะเป็นจุดที่เต็มไปด้วยจักรยานและผู้คน เพราะเป็นทางเดินที่นำไปสู่ลานจัดงานเทศกาลต่างๆ ในสวนนั่นเอง

เดินขึ้นมาบนลานจัดกิจกรรมด้านซ้ายมือของเรา จะเจออาคารพิพิธภัณฑ์ The Satake Historical Material Museum (秋田市立佐竹史料館) [ดูแผนที่] เปิดให้บริการ 9:00 – 16:30 น. มีค่าเข้าชม 100 เยน เนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบเวลาเปิดให้บริการก่อนเดินทางจริง ส่วนนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหรืออยากจะเที่ยวสวนแห่งนี้แบบได้ความรู้เยอะๆ สามารถเข้าไปชมได้เลยค่ะ

เดินขึ้นเนินมาอีกหน่อยเราจะเจอประตูหน้าปราสาทคุโบตะ Kubota Castle Front Gate (久保田城 表門) [ดูแผนที่] เป็นประตูไม้เก่าแก่ สามารถถ่ายรูปได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทางด้านนอกเหมาะกับถ่ายในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะเราจะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีแสนสวยกับประตูปราสาท ชวนให้คิดถึงความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม อีกฟากหนึ่ง หากถ่ายจากลานด้านบน จะเหมาะกับถ่ายรูปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะเราจะได้เห็นลานซากุระที่สวยงามโดยมีประตูปราสาทเป็นฉากหลัง เป็นอีกจุดหนึ่งที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมากๆ

ผ่านประตูหน้าปราสาทโคบุตะแล้ว เราจะพบกับลานกว้างที่เต็มไปด้วยต้นซากุระเก่าแก่เรียงรายกันเป็นอุโมงค์ทอดยาวออกไป แม้ตอนนี้เราจะเห็นเป็นสีเขียวขจี อีกไม่นานเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซากุระพวกนี้จะเหลือแค่กิ่งก้านเท่านั้น และเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่กลางเดือนเมษายน – ปลายเมษายน ตรงนี้จะกลายเป็นอุโมงค์ดอกซากุระแสนสวย

สวนสาธารณะเซ็นชูแห่งนี้ได้รับการแนะนำให้เป็น 1 ใน 100 สวนที่แนะนำให้ชมซากุระของญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ใครที่เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหยุดสงกรานต์ แล้วมีโอกาสมาที่จังหวัดอาคิตะ แนะนำให้มาชมซากุระที่สวนนี้เลยค่ะ

ในลานที่เดียวกันกับอุโมงค์ซากุระ เราจะเห็นรูปปั้นของผู้ครองแคว้นอาคิตะคนแรก Satake Yoshitaka Statue (佐竹義堯公銅像) [ดูแผนที่] ซึ่งตระกูล Satake นี้ได้ปกครองแคว้นสืบทอดมายาวนานถึง 12 รุ่น นับว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของอาคิตะก็ว่าได้ค่ะ หากเป็นเมืองไทยน่าจะมีของเซ่นไหว้แน่นอน

แต่ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีการถวายของไหว้รูปปั้นบุคคลเหมือนที่ไทย เราจึงเห็นท่านเจ้าเมืองยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวขจี แนะนำให้ลองถ่ายรูปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือ ซากุระค่ะ เนื่องจากรูปปั้นมีสีเขียว เมื่อเจอสีใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระที่มีโทนออกสีแดง สีชมพู ทำให้รูปปั้นโดดเด่นไม่น้อย

ถัดจากรูปปั้นของเจ้าเมืองมาด้านซ้ายมือของรูปปั้นประมาณ 1 แยกถนน เราจะเห็นเสาโทริอิสีแดงเรียงรายเด่นเป็นสง่า ตรงจุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้า Hachiman Akita Shrine (八幡秋田神社) [ดูแผนที่] ส่วนอาคารหลักจะอยู่ด้านข้าง นับว่าเป็นศาลเจ้าคุ้มครองเมือง เป็นที่สถิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิโอจินที่คอยอุปถัมภ์เมือง ซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งธนูหรือเทพแห่งสงคราม ผู้มีประวัติยาวนานตั้งแต่มีการสร้างปราสาทของตระกูล Satake

เมื่อครั้งเจ้าเมืองได้ย้ายมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ นอกจากจะสร้างปราสาทโคบุตะแล้ว ก็ยังอัญเชิญเทพเจ้าที่เคารพมาและบูชาให้เป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองเมืองตั้งแต่นั้นมา บริวารของเทพฮาจิมังคือนกพิราบ ในความหมายแฝงคือเป็นบริวารที่คอยส่งสารให้กับเทพแห่งสงครามค่ะ บางครั้งจะมีการส่งสารไปกับหัวลูกศร หรือส่งสารไปกับนกพิราบนั่นเอง กระดาษยันต์ของที่นี่จะเป็นรูปนกพิราบ เรียกว่าเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่น่ารักมากๆ

ด้านข้างอาคารหลักของศาลเจ้า Hachiman Akita Shrine จะมีลานชมใบไม้เปลี่ยนสีให้เราถ่ายรูปเล่นกันค่ะ ตรงนี้จุดนี้เป็นเนินสูง มีต้นไม้ล้อมรอบ แต่ไม่ไม่รก มีหญ้าสั้นๆ ขึ้นเต็มบริเวณ และต้นไม้โดยรอบค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองนิดๆ แล้ว มีเก้าอี้ให้นักชมความสวยงามของธรรมชาติด้วย ตอนที่เราไปคนยังไม่เยอะ เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่เราชอบมากๆ ของที่นี่เลยค่ะ

เราเดินมาเกือบริมสุดของสวน จนมาถึงศาลเจ้า Iyataka Shrine (彌高神社) [ดูแผนที่] เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐานของเทพเจ้า ฮิราตะ อัตสึทาเนะ ไดมิจิ, ซาโตะ โนบุบุจิ ไดมิโคโตะ ซึ่งเป็นเป็นนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงแห่งยุคสมัย มีชีวิตในสมัยเอโดะและเมจิ เป็นหนึ่งในนักเทววิทยาที่สำคัญที่สุดของศาสนาชินโต เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ และได้มีการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่อุทิศให้กับ ฮิราตะ อัตสึทาเนะ และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้

แต่เดิมตามความเชื่อของญี่ปุ่นอันหลากหลายเกี่ยวกับเทพเจ้า หนึ่งในความเชื่อนั้นคือการที่บุคคลบางคนจะได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้าเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว นั่นหมายความว่าศาลเจ้าที่เราเคยไปอาจจะเป็นศาลเจ้าที่มีการยกย่องบุคคลในประวัติศาสตร์ให้เป็นเทพเจ้า ณ ที่แห่งนั้นก็เป็นได้ และศาลเจ้า Iyataka Shrine แห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในความเชื่อแบบนั้นค่ะ

โดยทั่วไปแล้ว เรามักจะเห็นศาลาชำระล้างร่างกายก่อนเข้าศาลเจ้าอยู่ด้านซ้ายหรือขวามือของอาคารหลักอยู่บ่อยๆ เมื่อเราเดินผ่านเสาโทริอิ ที่เปรียบเสมือนประตูที่เข้าสู่อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราจะต้องทำความสะอาดร่างกายเราก่อน การทำความสะอาดนั้นไม่ยาก โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. เริ่มจากใช้กระบวยตักน้ำล้างมือทำความสะอาดมือซ้าย (ถือกระบวยด้วยมือขวา) แล้วตามด้วยทำความสะอาดมือขวา (ถือกระบวยด้วยมือซ้าย)
  2. สลับมือที่ถือกระบวยจากมือซ้ายเป็นมือขวาอีกครั้ง ตักน้ำใส่มือซ้ายแล้วใช้น้ำนั้นบ้วนปาก จากนั้นล้างมือซ้ายให้สะอาดอีกครั้ง
  3. ใช้สองมือจับด้ามกระบวยให้มือซ้ายอยู่ด้านบนขวาอยู่ล่าง แล้วเทน้ำจากกระบวยลักษณะหันเข้าหาตัวล้างทำความสะอาดมือทั้งสองข้างและด้ามกระบวย เป็นอันเสร็จพิธีการ

โซนสุดท้าย คือส่วนที่เดินเข้าไปในส่วนภูเขาของสวน เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบอลังการงานสร้างสุดๆ และยังมีมุมถ่ายรูปที่ดีมากด้วย เป็นโซนที่มีเนินดินและต้นไม้เก่าแก่ เราสามารถเดินชมต้นไม้ใหญ่ๆ ได้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่ามากกว่าในสวนสาธารณะ ส่วนตากล้องของเราก็อยู่เนินเขาที่อยู่ข้างๆ กัน เป็นมุมถ่ายที่เราชอบมากที่สุดเลยค่ะ หากเพื่อนๆ มาในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามที่สุด

ส่งท้าย

นอกเหนือจากที่เล่ามา จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายโซนของ สวนสาธารณะเซ็นชู (Senshu Park) ที่เราไม่ได้เก็บภาพมาฝาก เช่น โซนนัดพบสุนัขพันธุ์อาคิตะ อาคารจัดคอนเสิร์ต หอสมุดสาธารณะ และจุดชมวิวในอาคารในมุมพาโนรามา โดยส่วนตัวชอบเที่ยวแบบศาลเจ้าหรือเดินชมธรรมชาติไปเรื่อย ๆ มากกว่า

หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างก็สามารถเที่ยวได้เช่นกันค่ะ เรียกได้ว่าสวนสาธารณะแห่งนี้มีอะไรให้เราชมมากมายภายในสถานที่ที่เดียว ซึ่งสิ่งที่เราชอบมากสำหรับสวนนี้คือมีมุมถ่ายรูปให้ค่อนข้างหลากหลายไม่ซ้ำ เป็นธรรมชาติ สวยไม่จำเจ ไม่ยึดติดรูปแบบที่คล้ายๆ กันแบบในแถบโตเกียวค่ะ

สำหรับคนที่มาเที่ยวอาคิตะ มีเวลาไม่มาก และประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่เหมาะสม เราแนะนำให้มาเดินเล่นที่นี่เลย ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง หากเดินเล่นเร็วๆ และใช้เวลาประมาณครึ่งวันในช่วงที่มีเทศกาล เพราะเราจะได้เจองานเทศกาล ของกินต่างๆ มากมาย และเดินเล่นชมธรรมชาติได้อย่างจุใจนั่นเอง สำหรับวันนี้ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ สวัสดีค่า

เทียบราคาโรงแรมที่พักในอาคิตะ


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com