เนื่องจากว่านักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมออกเที่ยวต่างจังหวัดของญี่ปุ่นกันมากขึ้น ครั้งนี้แอดมินจึงขอแนะนำเรื่องการเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นด้วยตัวเองบ้างค่ะ ซึ่งปัจจุบันบริษัทเช่ารถหลายๆ แห่งก็อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นด้วย ดังนั้นวันนี้แอดมินจะมาเล่าเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนเช่ารถขับในญี่ปุ่นนะคะ ทั้งเรื่องการทำใบขับขี่สากล การเลือกบริษัทรถเช่า กฎจราจรเบื้องต้น การใช้ทางด่วนที่จอดรถค่ะ

การทำใบขับขี่สากล

เรื่องนี้สำคัญมากค่ะ เพราะคนที่จะขับรถต้องถือใบขับขี่สากลไปด้วย สำหรับคนที่จะสลับกันขับก็ต้องถือไปให้ครบจำนวนคนที่จะขับด้วยค่ะ วิธีการทำใบขับขี่สากลนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่ทำเรื่องยื่นคำร้องที่กรมการขนส่งทางบก พร้อมเอกสารที่กำหนดและค่าธรรมเนียม 505 บาทใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็เรียบร้อยค่ะ ซึ่งการทำใบขับขี่สากลนี้ไม่ต้องสอบใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ปัจจุบันสามารถทำใบขับขี่สากลออนไลน์ได้ เพียงแค่กรอกข้อมูลยื่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และรอรับที่บ้านได้เลยใช้เวลาประมาณ 3-5 วันค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมการขนส่งทางบก

หมายเหตุ:

  • ผู้ที่ถือใบขับขี่ชั่วคราวอายุ 2 ปี ไม่สามารถยื่นคำร้องขอใบขับขี่สากลได้ ต้องเป็นใบขับขี่ประเภท 5 ปีเท่านั้น
  • ใบขับขี่สากลที่ใช้ในญี่ปุ่นได้ ต้องเป็นแบบปกขาวที่มีอายุ 1 ปี ตามอนุสัญญาเจนีวา 1949 (แบบเก่า)
  • หากเป็นใบขับขี่สากลปกเทาที่มีอายุ 3 ปี (แบบใหม่ เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2564) จะใช้ที่ญี่ปุ่นไม่ได้

การค้นหาบริษัทรถเช่าในญี่ปุ่น

เมื่อเราได้ใบขับขี่สากลอยู่ในมือแล้วก็หาบริษัทรถเช่าในญี่ปุ่นที่ถูกใจเอาไว้สัก 3 – 4 ที่ เพื่อเปรียบเทียบราคาค่ะ สามารถหาได้จากเอเจนซี่ที่จะหารถจากหลายๆ บริษัทมาเทียบราคากัน เช่น Klook.com และบริษัทรถเช่าโดยตรง อาทิ Toyota Rent a Car, Nissan Rent a Car, Nippon Rent-A-Car, Orix Rent a Car, Times Car Rental, Budget Rent a Car, ToCoo! เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทเช่ารถในญี่ปุ่นรองรับภาษาอังกฤษแล้ว (และภาษาไทยในบางบริษัท)

นอกจากการเลือกรถเช่าราคาถูกใจแล้ว ก็ต้องดูว่ามีรถแบบที่รองรับการเดินทางของเราด้วยมั้ย โดยเฉพาะจำนวนผู้โดยสารตามกฎหมายกำหนด รวมถึงมีศูนย์บริการใกล้สถานีหรือที่พักหรือไม่ จะช่วยให้เราเลือกรถที่เหมาะสมทั้งราคา การใช้งาน และความสะดวกในการรับและคืนรถค่ะ

หมายเหตุ:

  • ปัจจุบันมีบริการเช่ารถแบบส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกใช้บริการ โดยเฉพาะรถที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง หรือรถที่ใช้ป้ายทะเบียนผิดประเภท (รวมถึงรถที่มารับผู้โดยสารตามสนามบิน)

กฎจราจรเบื้องต้นในญี่ปุ่น

เป็นเรื่องที่ลืมไม่ได้เลยสำหรับกฎในการขับขี่รถยนต์ แม้ว่าการขับรถจะมีกฎจราจรที่เป็นสากล แต่ก็มีบางข้อปฏิบัติหรือมารยาทการขับขี่ที่ไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ ดังนั้นจึงควรศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนเช่ารถขับค่ะ ในที่นี้แอดมินขออธิบาย หลายๆ อย่างที่ได้ใช้งานจริงทั้งในด้านกฎหมายและมารยาทการขับขี่ค่ะ

  1. เลนการขับรถ: ที่ญี่ปุ่นขับรถเลนซ้ายมือ คนขับอยู่ด้านขวามือของรถ (แบบเดียวกับไทย)
  2. การเข็มขัดนิรภัย: ที่ญี่ปุ่นมีกฎหมายบังคับให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน ทั้งผู้โดยสารเบาะหน้าและเบาะหลัง (หมายความว่าไม่สามารถนั่งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดได้)
  3. ที่นั่งเด็ก: เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ต้องใช้ Child Seat ต้องเแจ้งตั้งแต่ตอนจองเช่ารถ
  4. ห้ามดื่มแล้วขับ: ไม่ขับขี่ในขณะมึนเมา (ที่ญี่ปุ่นเป็นที่รู้กันว่าคนที่ขับรถห้ามดื่มแกลกอฮอลล์เด็ดขาด นิดหนึ่งก็ไม่ได้)
  5. การใช้โทรศัพท์: ในขณะขับขี่ ห้ามคุยโทรศัพท์ เล่นสมาร์ทโฟน หรืออย่างอื่นที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงห้ามมองหน้าจอในรถเกิน 2 วินาที (มักเป็นสาเกตที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ)
  6. การใช้ GPS: รถบางรุ่นไม่สามารถใช้ GPS ในขณะที่รถวิ่งได้ และไม่สามารถจองข้างทางได้ตามใจ ก่อนออกรถควรตั้ง GPS ให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้ง
  7. ความเร็วบนถนนทั่วไป: ในการขับบนถนนทั่วไป ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในกรณีการขับในชุมชนหรือพื้นที่ชุมชน จะมีป้ายจำกัดความเร็วประมาณ 20 – 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง โปรดสังเกตป้ายข้างถนน อักษรบนพื้นถนน หรือง่ายที่สุดให้สังเกตุหน้าจอคนขับจะบอกความเร็วสูงสุดของถนนสายนั้นๆ
  8. ความเร็วบนทางด่วน: ในการขับขี่บนทางด่วน สามารถใช้ความเร็ว (ไม่เกินควรเกิน) 80 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง บางทางด่วนอาจอนุญาตให้ใช้ความเร็วได้ 70 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถสังเกตได้ที่หน้าจอคนขับเช่นกัน
  9. ทางแยกและทางรถไฟ: เมื่อถึง 4 แยก หรือทางข้ามรถไฟ ไม่ว่าจะมีรถหรือคนสวนหรือไม่ ก็ต้องชะลอรถ มองซ้าย-ขวา-ซ้าย แล้วค่อยขับผ่านแยกหรือรางรถไฟนั้นๆ ในกรณีมีรถสวน ต้องให้ทางกับทางเอก ในกรณีมีคนรอข้ามถนนต้องรอให้คนข้ามถนนก่อน(แม้จะไม่มีสัญญาณไฟ) กรณีมีรถไฟต้องดูรอสัญญาณไฟที่กั้นเป็นหลัก (จากประสบการณ์ตรงค่ะ)
  10. ป้ายหยุด: ป้ายที่เขียนว่า “とまれ” หรือ “止まれ” (อ่านว่า Tomare) เป็นป้ายอีกตัวหนึ่งที่จำเป็นต้องจำ เพราะต้องอ่านอักษรค่ะ ต้องระมัดระวังกันนะคะ
  11. ป้ายจราจรพิเศษ: ป้ายจราจรโดยทั่วไปจะเหมือนกับของไทย แต่มีบางป้ายที่แตกต่างกัน อาทิ “Cross Winds Ahead” ที่บอกเพื่อให้ระวังเรื่องลมค่ะ หรือเราอาจจะเจอป้าย “Animal Crossing” ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเจอทั้งรูปกวาง รูปหมี หมูป่า หรือแม้แต่กระรอก แล้วแต่พื้นที่นั้นๆ อีกด้วยค่ะ และถ้าเจอก็ต้องให้ทางด้วยค่ะ
  12. ป้ายบอกทางญี่ปุ่น: ป้ายบอกทางญี่ปุ่นจะใช้สีตรงข้ามกับประเทศไทย ป้ายสำหรับทางปกติจะแทนด้วยสีฟ้า ส่วนทางด่วนจะแทนด้วยสีเขียว
  13. ป้ายลงท้ายด้วย IC: ป้ายบอกทางที่ลงท้ายด้วยคำว่า “IC” หมายถึง “Interchange” หรือจุดขึ้น–ลงทางด่วน

Photo:car.orix.co.jp

การใช้ทางด่วนญี่ปุ่น

การใช้ทางด่วนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นมากในการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากบนถนนทั่วไปจำกัดความเร็วรถเพียง 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทางด่วนจึงเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่อยากไปถึงที่หมายเร็วๆ ดังนั้นก่อนเช่ารถ ควรทำความเข้าใจเรื่องการใช้ทางด่วนสักนิดนะคะ

โดยทั่วไปแล้ว การใช้งานทางด่วนที่ญี่ปุ่น โดยทั่วไปไม่มีอะไรแตกต่างจากที่ไทยมากนัก เพียงแต่บางเส้นทางที่อยู่ในป่า ถ้าเจอป้ายให้ทางสัตว์ก็ควรขับระมัดระวังหน่อย แอดมินเคยเจอทั้งป้ายหมีและป้ายกวางบ่อยมากค่ะ

ค่าธรรมเนียมการใช้ทางด่วน

ปกติค่าทางด่วนจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่ใช้งาน ส่วนใหญ่ใช้เป็นเส้นทางข้ามจังหวัด ตัดภูเขาทะลุอุโมงค์เยอะๆ ค่าทางด่วนจะอยู่ที่ประมาณหลักร้อยเยนไปจนถึงหลักพันเยน แอดมินจ่ายอยู่ประมาณ 300 – 1,500 เยน (ไกลประมาณขับรถข้ามจังหวัดได้ค่ะ)

ในทางทฤษฎีแล้วญี่ปุ่นมีวิธีการคำนวณค่าทางด่วนดังนี้

  • (24.6 เยน / กม. x ระยะทางที่ใช้ * 1 + 150 เยน) x 1.1 ⇒ ค่าธรรมเนียมทางด่วน
  • หากใช้ทางด่วนในระยะ 100 กม. ขึ้นไปจะได้ส่วนลดราคาประมาณ 25 – 30%

การจ่ายค่าทางด่วนแบบธรรมดาทั่วไป

สำหรับคนที่เช่ารถขับ แต่ไม่เช่าบัตร ETC (บัตรที่บันทึกข้อมูลการใช้ทางด่วน แล้วไปชำระเงินตอนคืนรถ) เมื่อใช้ทางด่วนต้องจ่ายแบบธรรมดาทั่วไป ซึ่งวิธีการใช้งานอาจแตกต่างกับประเทศไทยเล็กน้อย

  • ขาขึ้นทางด่วน
    • การจ่ายค่าธรรมเนียมแบบทั่วไป ต้องเข้าช่องที่เขียนว่า “一般” (General) หรือ  “ETC/一般” (ETC/General) เท่านั้น
    • เมื่อขับรถเข้าช่องแล้ว ให้รับคูปองสีเหลืองหรือสีอื่นๆ ขึ้นอยู่กับภูมิภาค จากตู้อัตโนมัติหรือพนักงาน โดยไม่ต้องชำระเงิน
  • ขาลงทางด่วน
    • เมื่อขับถึงทางลงแล้ว ให้เข้าช่องจ่ายสำหรับ “一般” (General) เหมือนเดิม โดยยื่นคูปองสีเหลืองให้พนักงานเพื่อคำนวณค่าทางด่วน เมื่อพนักงานแจ้งยอดเราสามารถจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้

หมายเหตุ:

  • ทางลงบางจุดเป็นตู้จ่ายเงินแบบอัตโนมัติ ต้องสอดคูปองเข้าช่อง แล้วค่อยสอดเงินตามที่เรียกเก็บ

การจ่ายค่าทางด่วนโดยใช้บัตร ETC

ETC คืออะไร? ซึ่งคำนี้ก็ย่อมาจากคำว่า Electronic Toll Collection แปลได้ว่า การเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าเรียกให้ชัดขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็น บัตรเก็บข้อมูลการใช้ทางด่วนค่ะ เราสามารถเช่าบัตรนี้ได้กับบริษัทรถเช่า แล้วนำมาเสียบกับเครื่องอ่าน ETC ที่ติดตั้งในรถใต้พวงมาลัยคนขับค่ะ

หากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ETC ก็คล้ายกับ Easy Pass ของบ้านเราค่ะ วิธีการใช้โดยทั่วไปเหมือนกันเลยค่ะ เพียงแค่ขับเข้าช่องจ่ายเงินที่เขียนว่า ETC สามารถขับยาวๆ ได้แบบสบายหายห่วง ในกรณีเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นและเช่าบัตร ETC จะบันทึกการใช้งานตามจริง และจะมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตอนที่คืนรถค่ะ ดังนั้นจึงไม่ต้องเติมเงินเองให้ยุ่งยากแต่อย่างใด

นอกจากนี้ บัตร ETC ก็ยังมีส่วนลดค่าทางด่วนให้ด้วย ถ้าใช้บัตร ETC เมื่ออยู่ในช่วงเวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะได้รับส่วนลด 30% สำหรับประเภทรถที่กำหนด และช่วงดึกของทุกวันตั้งแต่ 00:00 – 04:00 น. จะได้ส่วนลด 30% สำหรับรถทุกประเภท

เพียงเท่านี้เราก็สามารถตัดสินได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะว่าควรจะเช่า ETC หรือไม่ บางคนที่ขับรถเที่ยวไม่ไกลมาก ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ต้องเช่าก็ได้นะคะเพราะการเช่า ETC ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน

การใช้ Expressway Pass

Expressway Pass คืออะไร? พาสนี้เป็นบัตร ETC แบบเหมาจ่ายขึ้นทางด่วนเฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น (คล้าย JR Pass ของรถไฟ) สามารถติดต่อเช่าได้กับบริษัทรถเช่า คนที่เช่ารถขับเที่ยวและต้องใช้ทางด่วนตลอด แนะนำให้ใช้แบบเหมาจ่ายเพราะถูกกว่ามาก ยิ่งวิ่งระยะไกลยิ่งคุ้มค่าค่ะ

Expressway Pass ของญี่ปุ่นมีทั้งแบบใช้งานทั่วประเทศ และแต่ละภูมิภาค จำนวน 6 ประเภทดังนี้

  • แบบทั่วประเทศ
    • Japan Expressway Pass (JEP)
  • แบบภูมิภาค
    • Hokkaido Expressway Pass (HEP)
    • Tohoku Expressway Pass (TEP)
    • Central Nippon Expressway Pass (CEP)
    • Kyushu Expressway Pass (KEP)
    • San’in-Setouchi-shikoku Expressway Pass (SEP)

สำหรับ Expressway Pass แบบภูมิภาค ราคาเหมาจ่ายเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 3,700 – 11,500 เยน สำหรับการใช้งานมีให้เลือกตั้งแต่ 2 วัน สูงสุดติดต่อกัน 14 วัน ส่วนแบบทั่วประเทศจะมีให้เลือกแค่ 7 วัน (20,000 เยน) และ 14 วัน (34,000 เยน) เท่านั้น

หมายเหตุ:

  • Expressway Pass แต่ละแบบจะครอบคลุมเส้นทางทางด่วนในภูมิภาคนั้นๆ หรือแม้แต่แบบทั่วประเทศก็ไม่ครอบคลุมบางเส้นทาง ซึ่งถ้าใช้นอกเหนือเส้นทางที่กำหนด จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง
  • ก่อนเช่า Expressway Pass ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าครอบคลุมเส้นทางที่จะใช้งานหรือไม่ แล้วค่อยเลือกใช้ให้เหมาะกับแผนการท่องเที่ยวของตนเอง

การหาที่จอดรถในญี่ปุ่น

เมื่อพูดถึงเรื่องการใช้รถยนต์แล้ว แน่นอนว่าเรื่องที่จอดรถเป็นอีกเรื่องที่ลืมไม่ได้ มีแฟนเพจหลายท่านถามถึงเรื่องนี้ด้วยความกังวล เพราะกลัวว่าค่าที่จอดรถจะแพงจนไม่คุ้มค่ากับการเช่ารถนั่นเอง แต่ขอให้เบาใจได้ เนื่องจากว่าตามสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีที่จอดรถแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายให้บริการ โดยเฉพาะในแถบต่างจังหวัดที่ใช้รถยนต์เป็นพาหนะหลักในการเดินทาง

ทว่าในสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง เน้นนะคะว่าเป็นโซนในเมือง เช่น ทาคายาม่า (ในโซนที่เป็นร้านขายของ) หรือวัดในเกียวโตบางจุด ที่จอดรถฟรีไม่เพียงพอ เราก็ต้องเสียค่าที่จอดรถประมาณ 500 เยน ต่อชั่วโมง หรือถูกกว่าแล้วแต่โปรโมชั่นแต่ละจุดค่ะ บางจุดในต่างจังหวัดยังเป็นระบบคนเฝ้าแบบนี้จะเป็นราคาเหมาจ่ายอยู่ที่ประมาณ 500 เยน แบบไม่จำกัดเวลา

โดยค่าจอดรถรายชั่วโมงไม่ทิ้งห่างจากไทยมากนัก ยังไงเช่ารถก็คุ้มค่าค่ะ เพียงแค่เราวางแผนการท่องเที่ยวให้ดี เช่น วันที่ต้องออกนอกเมืองก็ให้เช่ารถขับ เพราะสถานที่ไกล แถมมีที่จอดรถฟรีเยอะ (หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ เอาไว้ด้วยว่ามีลานจอดรถหรือไม่ รองรับการจอดกี่คัน และเสียเงินหรือไม่ ส่วนวันที่เที่ยวในเมืองแนะนำให้ใช้พาสเหมารถไฟหรือรถบัสประจำทางก็ช่วยได้มากค่ะ เพราะในเมืองที่จอดรถส่วนใหญ่เสียค่าบริการ

การจอดรถที่โรงแรมที่พัก มีทั้งแบบจอดรถฟรี กับที่จอดรถเอกชน แต่ทางโรงแรมจะมีคูปองแทนเงินสดให้ค่ะ ดังนั้นจอดได้ตามสบาย หากไม่แน่ใจสามารถติดต่อสอบถามโรงแรมล่วงหน้าก่อนเข้าพักด้วยค่ะ และหากพักหลายคืนก็แจ้งว่าวันไหนใช้ลานจอดรถ วันไหนไม่ใช้ค่ะ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยค่ะ

บทความแนะนำ: วิธีการใช้งานที่จอดรถอัตโนมัติในญี่ปุ่น พร้อมทริคน่ารู้และข้อควรระวัง

ส่งท้าย

ก่อนการเช่ารถ หากเราเตรียมตัวทำการบ้านศึกษาข้อมูลไว้ล่วงหน้า ก็จะสบายทั้งตอนจองและการขับรถเที่ยวจริงค่ะ บทความนี้เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น แอดมินจะมารีวิวการขับรถจริงๆ ในบทความถัดไป ตั้งแต่ขั้นตอนการจองรถ การรับ-คืนรถเช่า การใช้ GPS รวมถึงเรื่องเมาส์มอยระหว่างทาง รับรองว่าสนุกแน่นอนค่ะ อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ

สุดท้ายของท้ายสุด บางคนที่ถือเรื่องนี้ ก่อนออกรถ อาจจะไหว้เจ้าที่เจ้าทางแม่ย่านางรถก็ได้นะคะ ถ้าให้ครบครันจะตั้งชื่อให้น้องรถ และคุยกับน้องด้วยเล็กน้อยก่อนขับก็ได้ คริ คริ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเวลาขับรถ “ต้องมีสติและไม่ประมาท” นะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ตั้งแต่การจองรถเช่า การรับและคืนรถ

แจก! คูปองส่วนลดเช่ารถในญี่ปุ่น

คูปองส่วนลดจองทุกกิจกรรมกับ Klook

ส่วนลด 300.- จองทุกกิจกรรมทั่วโลก ขั้นต่ำ 3,500.-

🎫 รหัสคูปอง: JPKAKSEP3
📅 ระยะเวลา: 15 ก.ย. – 21 ก.ย. 2025

คูปองส่วนลดจองทุกกิจกรรมกับ Klook

ส่วนลด 300.- จองทุกกิจกรรมทั่วโลก ขั้นต่ำ 3,500.-

🎫 รหัสคูปอง: JPKAKSEP4
📅 ระยะเวลา: 22 ก.ย. – 28 ก.ย. 2025

คูปองส่วนลดจองรถเช่ากับ Klook

ส่วนลด 10% สูงสุด 400.- ไม่มีขั้นต่ำ เมื่อจองรถเช่าในญี่ปุ่น

🎫 รหัสคูปอง: THJPCAR10OFF
📅 ระยะเวลา: 1 ก.ย. – 31 ก.ย. 2025

คูปองส่วนลดจองรถเช่ากับ ToCoo!

ส่วนลด 1,000 เยน เช่ารถกับ ToCoo! ตั้งแต่ 10,000 เยนขึ้นไป

🎫 รหัสคูปอง: TCJKT1
📅 ระยะเวลา: ไม่จำกัด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com