สวัสดีค่ะ วันนี้แอดมินจะพาเที่ยวนิกโก้ (Nikko) ที่น้ำตก น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall) ซึ่งเป็นโซนที่อยู่สูงกว่าโซนมรดกโลกด้านล่างค่ะ ห่างจากสถานีรถไฟนิกโก้(Nikko station) ด้วยการขับรถหรือนั่งรถบัสประจำทางประมาณ 40-50 นาที(ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาล) แม้ว่าน้ำตกเคงอนจะสามารถเที่ยวชมได้ทุกฤดูกาล ครั้งนี้โดยแอดมินพาไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกันค่ะ เพื่อนๆจะได้เห็นบรรยากาศรอบๆน้ำตกอีกด้วย

เกี่ยวกับน้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall)

น้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินิกโก้(Nikko National Park)เมืองนิกโก้(Nikko-shi) จังหวัดโทชิงิ(Tochigi)ห่างจากโตเกียวด้วยการนั่งรถไฟหรือขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นน้ำที่ไหลออกจากทะเลสาบจูเซ็นจิ(Chuzenji) เป็นจุดที่ถือว่าเป็นต้นน้ำของแม่น้ำดายะ(Daya river) มีความกว้างประมาณ 7 เมตร และมีความสูงถึง 97 เมตร น้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall) ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 3 น้ำตกชื่อดังของญี่ปุ่น ร่วมกับ น้ำตกนาจิ(Naji Waterfall) ในจังหวัดวากายามะ(Wakayama) และน้ำตกฟุคุโรดะ(Fukuroda Waterfall) ในจังหวัดอิบารากิ(Ibaraki) น้ำตกแห่งนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่ชมวิวสำคัญของประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1931 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ภูมิทัศน์ทางธรณีของญี่ปุ่นอีกด้วย

เวลาทำการ

1 มีนาคม – 30 พฤศจิกายน : 08:00 น. – 17:00 น.
1 ธันวาคม – 28 กุมภาพันธ์ : 09:00 น. – 16:30 น.
*รอบสุดท้ายเข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที

ค่าเข้าชม(ลงลิฟต์ไปชมน้ำตกด้านล่าง)

ผู้ใหญ่: 600 เยน/คน
นักเรียนระดับปฐมศึกษา: 400 เยน/คน

การเดินทางไปยังน้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall)

นั่งรถบัส Tobu-nikko Bus ลงป้ายรถบัสหมายเลขที่ 26: Chuzenji Onsen
หมายเหตุ: สามารถชมวิวน้ำตกด้านบนได้ตรงจุดชมวิวโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ในวันที่หมอกหนาจุดนี้จะมองไม่เห็นตัวน้ำตก

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี Kegon Waterfall

ปีวันที่เริ่มพีควันที่ร่วง
202527 ตุลาคม ~9 พฤศจิกายน ~
202424 ตุลาคม ~6 พฤศจิกายน ~
※ข้อมูลจาก weathernews.jp (อัปเดต 9 ตุลาคม 2025)

รีวิวชมใบไม้เปลี่ยนสีน้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall)

น้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall) อยู่ติดกับทะเลสาบจูเซ็นจิ(Chuzenji) ซึ่งถือว่าเป็นประตูเข้าสู่โอคุนิกโก้(Oku-nikko) เดินทางง่ายสะดวก เป็นจุดที่มีทั้งที่พักและชุมชน คนนิยมท่องเที่ยวทั้งแบบค้างคืนและแบบไปกลับค่ะ แอดมินเดินทางแบบไป-กลับโตเกียว เราแนะนำให้เที่ยวโซนมรดกโลกช่วงเช้า และช่วงเที่ยงก็เดินทางขึ้นมาที่ทะเลสาบค่ะ ซึ่งน้ำตกเคงอนและทะเลสาบจูเซ็นจิลงป้ายรถบัสเดียวกัน นั่นก็คือป้ายรถบัสหมายเลข 26 ค่ะ

ช่วงเช้าเราเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ สะพาน Shinkyo Bridge และทะเลสาบ Lake Chuzenji ขึ้นรถบัสลงที่ป้ายรถบัส 26: Chuzenji Onsen การเดินทางจากป้ายรถบัสสามารถเดินเท้าไปที่น้ำตกได้เลย เดินประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์ของถนนหนทางได้เลย เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหนก็สามารถเห็นต้นเมเปิ้ลได้แบบใกล้ชิด เดินชมทิวทัศน์ได้ทุกตารางนิ้วเลยก็ว่าได้ การเดินไม่ต้องกังวลว่าจะหลงเพราะมีป้ายภาษาอังกฤษบอกตลอดทางค่ะ

เมื่อเดินถึงจุดชมน้ำตก ด้านหน้าจะเป็นลานจอดรถและลานทำกิจกรรมต่างๆค่ะ สำหรับคนที่อยากได้บรรยากาศร้านอาหารข้างทาง หรือเปิดตลาดนัดเล็กๆ ก็สามารถลองได้ตรงนี้เลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารง่ายๆ ไม่ครบครันเหมือนในร้านอาหาร เน้นไปทางอาหารที่เป็นกับแกล้มที่ทานกับเครื่องดื่มมากกว่าค่ะ มีทั้งเครื่องดื่มแบบมีแอลกอฮอลล์ และไม่มีแอลกอฮอลล์ คนญี่ปุ่นชอบทานอาหารกับเครื่องดื่ม ไม่เกี่ยวกับเวลาว่าจะกลางวันหรือกลางคืนค่ะ ช่วงที่ไปอากาศหนาวๆ อาหารก็จะเป็นอาหารที่ให้ความอบอุ่นเป็นหลัก ราคาก็กลางๆ ไม่แพงค่ะ ด้านหลังเป็นอาคารอำนวยการที่จำหน่ายตั๋วค่ะ

Kegon Waterfall Ticket

ตั๋วลงลิฟต์ ปัจจุบันราคาปรับเป็น 600 เยนแล้ว

ที่น้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall) โดยทั่วไปจะสามารถชมได้หลายจุดตามความสูงค่ะ หากไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายสามารถเดินไปชมน้ำตกได้เลยที่จุดชมวิว แต่จะเป็นจุดที่ใกล้กับด้านบนสุดของน้ำตกแล้วมองลงไปเป็นหน้าผา และเดินลงไปชมได้อีกประมาณ 1-2 ชั้น แต่ไหนๆเราก็มาถึงที่แล้วก็ต้องลงลิฟต์ไปชมกับค่ะ ซึ่งเราจะนั่งลิฟต์ลงไปด้านล่างสุดที่จะสามารถชมน้ำตกได้ แล้วมองความยิ่งใหญ่จากด้านล่างของน้ำตกขึ้นมาค่ะ มีค่าเข้าชม 600 เยนสำหรับผู้ใหญ่ 400 เยนสำหรับเด็ก ความแตกต่างของจุดชมวิวแบบเสียเงินและไม่เสียเงินคือ ในวันที่มีหมอกหน้า หรือละอองน้ำมาก จากจุดชมวิวฟรีจะมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ

※หมายเหตุ: ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ ปี 2024) ได้ปรับราคาลงลิฟต์เป็น ผู้ใหญ่ 600 เบน, เด็ก 400 เยน

หลังจากซื้อตั๋วแล้วเขาก็จะบอกทางให้เราไปลงลิฟต์ลงไปด้านล่างค่ะ การจะไปขึ้นรถเราต้องเดินลงไปในอุโมงค์ที่ค่อยๆลึกลงไปด้านล่างค่ะ หน้าลิฟต์จะมีคนตรวจตั๋วก่อนเข้าลิฟต์และมีคนกดลิฟต์ให้ด้วย ลิฟต์มีชั้นเดียวคือ B1 แต่ความสูงที่เราต้องนั่งลงไปคือ 100 เมตร ตอนที่เดินไปตามอุโมงค์จะได้ยินเสียงรอบนอกด้วย รู้เลยว่าด้านนอกที่เราเดินอยู่นี้คือใกล้น้ำตกมากจริงๆ

พอออกจากลิฟต์ก็จะเจอกับอุโมงค์ยาวๆให้เราเดินต่อกันอีกหน่อยค่ะ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จะพาเราไปยังส่วนที่ชมน้ำตก ด้านนอกเป็นบริเวณหุบเหว หรือหน้าผา จึงมีการสร้างอุโมงค์ทางเดินโดยให้คนอยู่ในอุโมงค์ยาวๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยจากสภาพอากาศภายนอก รวมทั้งความปลอดภัยของภูมิประเทศที่อันตรายค่ะ อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวที่มีเด็กมาด้วย ก็อยากให้จับมือน้องๆตลอดนะคะ เพราะทางค่อนข้างชันระดับหนึ่งค่ะ

เมื่อออกจากทางเดินอุโมงค์แล้ว ออกมาด้านนอกเราก็ต้องเดินลงไปอีกประมาณ 5-10 นาทีค่ะ ทางเดินตรงนี้อยู่ด้านนอกสัมผัสกับสภาพอากาศโดยตรง บางช่วงจะพื้นลื่นนิดหน่อยระวังพื้นลื่นให้มากค่ะ โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุค่ะ

เมื่อออกจากอุโมงค์ เราสามารถชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ค่ะ รอบๆน้ำตกจะมีต้นไม้ขึ้นรอบๆ เป็นช่วงที่กำลังเปลี่ยนสีค่ะ ด้านซ้ายมือเป็นน้ำตกเล็กๆ เสียงซู่ซ่าไพเราะมาก น้ำใสแจ๋ว ท่าทางจะเย็นน่าดู กระแสน้ำด้วยความชันของภูเขานั่นเองค่ะ ความยาวของน้ำตกเล็กๆสายนี้สูงหลายเมตรค่ะ ช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆแบบอลังการงานสร้างเลยค่ะ

ด้านขวามือเราจะเจอน้ำตกอันใหญ่มโหฬาร ตรงจุดนี้ถือเป็นจุดที่น้ำตกไหลออกมาจากทะเลสาบจูเซ็นจิด้านบนค่ะ เป็นน้ำที่ตกจากหน้าผาแล้วค่อยๆ ขยายแผ่ความกว้างไปเป็นกระแสน้ำเล็กๆคล้ายน้ำตกบริวาร ยิ่งวันนี้บรรยากาศมีหมอกตลอดยิ่งให้ความรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มาก ดูมีมนต์ขลังแบบธรรมชาติ รอบๆ ตัวเราตอนนี้จะเป็นหน้าผาทั้งหมด แทบจะเรียกได้ว่าเรามาอยู่ตรงกลางของหุบผาเพื่อชมความสวยงามของน้ำตกเคงอนแห่งนี้ค่ะ

สำหรับการชมวิวแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายจากด้านบน สามารถเดินจากลานจอดรถไปที่บริเวณหน้าผาจะมีจุดชมวิวอยู่ค่ะ แต่ในวันที่หมอกหนาจะเห็นว่ามีแต่หมอกมองไม่เห็นอะไรเลยดังนั้นที่เราเสียค่าเข้าชม 600 เยน ลงมาจุดชมวิวด้านล่างนี่ถือว่าคุ้มมากค่ะ สาเหตุที่ช่วงนี้มีหมอกเป็นบางวันเพราะว่าเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู มีฝนตก ความชื้นใในอากาศสูง ทำให้มีหมอกมากกว่าช่วงฤดูหนาว หรือฤดูร้อนนั่นเองค่ะ

แล้วก็ลากันไปด้วยรูปเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่ถ่ายจากป้ายรถบัสหมายเลขที่ 26: Chuzenji Onsen การรีวิวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิกโก้ (Nikko) ในจุดของน้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall)ขอจบลงเพียงเท่านี้ค่ะ การเที่ยวนิกโก้ภายใน 1 วันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเที่ยวให้ครบทุกโซน ขอให้เพื่อนๆ ถามตัวเองก่อนว่าอยากจะเที่ยวแบบไหน อยากเที่ยวโซนมรดกโลก ชมธรรมชาติแช่ออนเซน หรือจะไปเที่ยวเล่นเดินป่าข้างบนค่ะ การเที่ยวให้มีความสุขไม่ใช่การได้เที่ยวครบทั้งหมด แต่เป็นการท่องเที่ยวชื่นชมในสิ่งที่เราชอบมากกว่า สำหรับวันนี้สวัสดีค่า

 Last Updated October 2025

ค้นหาและเทียบราคาที่พักในญี่ปุ่น

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com