ในตอนก่อนเราได้จบรีวิวการท่องเที่ยวรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะไปแล้ว และวันนี้จะเราจะขอแชร์ประสบการณ์สั้นๆ ในวันที่ 2 ของทริปนี้กันที่ถ้ำค้างคาว Saiko Bat Cave แห่งทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) กันนะคะ ซึ่งที่นี่เป็นถ้ำที่เป็นถ้ำลาวาบริเวณภูเขาไฟฟูจิ สามารถนั่งรถบัสมาจากสถานี Kawaguchiko ได้เลยค่ะ

เนื่องจากเราไม่อยากกลับถึงโตเกียวดึกเกินไป รีิวิวนี้จึงเป็นการเที่ยวแบบกะทัดรัด ไปดูกันค่ะว่าทริปน้อยๆ นี้จะไปเจออะไรกันบ้าง

แนะนำสั้นๆ เกี่ยวทะเลสาบไซโกะ (Saiko Lake)

ทะเลสาบไซโกะ (Saiko Lake) เป็น 1 ใน 5 ทะเลสาบที่ตั้งอยู่รอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ อยู่ติดกับทะสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) แต่ขนาดเล็กกว่ามาก ที่นี่มีถ้ำที่สำคัญอยู่ 3 แห่งซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ได้แก่ ถ้ำค้างคาว (Bat Cave), ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) และ ถ้ำลม (Wind Cave) โดยทั้งหมดเป็นถ้ำเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟฟูจิในอดีต

รีวิวเที่ยวถ้ำค้างคาว (Saiko Bat Cave)

เราออกจากโรงแรมประมาณ 8 โมงกว่า เดินออกไปรอรถบัสเพื่อเดินทางไปทะเลสาบไซโกะ โดยใช้ RETRO BUS Free Coupon 2 days [1,300 Yen] ที่ซื้อจากสถานี Kawaguchiko ซึ่งสามารถใช้ได้ 2 วัน สำหรับการเที่ยว 2 ทะเลสาบ ได้แก่ Kawaguchiko และ Saiko

*อัพเดทข้อมูลล่าสุด 2018

ปัจจุบัน Pass ได้เปลี่ยนเป็น Kawaguchiko Sightseeing Bus [2 days 1,500 Yen] โดยสามาสใช้กับรถบัสทั้ง 3 สาย ได้แก่ Red-Line (ไปทะเลสาบ Kawaguchiko), Green-Line (ไปทะเลสาบ Saiko), และ Blue Line (ไปทะเลสาบ Motosuko)

วิธีการเดินทางมาถ้ำค้างคาว (Saiko Bat Cave)

จากสถานี Kawaguchiko ให้นั่งรถสายสีเขียว Green-Line (รถบัสรอบทะเลสาบไซโกะ) ลงป้าย Saiko Komori Ana (Saiko Bat Cave)

เริ่มต้นที่ป้ายรถบัสใกล้ๆ โรงแรม สิ่งที่เราได้เห็นคือคนในละแวกนี้มักจะปลูกดอกไม้หรือชาที่มีลักษณะคล้ายลาเวนเดอร์ แทนการปลูกข้าว มีการแบ่งเป็นพื้นที่คล้ายที่นาเหมือนบ้านเรา และแทบทุกบ้านเลยจากที่ได้เห็นคือ มีเรือส่วนตัว มีโรงเก็บเรือ อย่างบ้านที่อยู่ตรงข้ามป้ายรถบัสที่เรารอนั้นมีสปีดโบ้ท 1 ลำ เจ็ทสกีอีก 2 ลำ ทำให้เห็นวิถีชีวิต รวมไปถึงการใช้ชีวิต (แลดูมีอันจะกิน) ของคนที่นี่ พื้นที่แต่ละบ้านก็กว้างขวางไม่แออัด น่าอยู่มากๆ ค่ะ

รอประมาณ 15 นาทีหลังจากเก็บรายละเอียดประวัติตามภูมิศาสตร์ไปแล้ว เราก็ได้นั่งรถบัสสมใจ จุดหมายในวันนี้คือ Saiko Bat Cave หรือถ้ำค้างคาวแห่งทะเลสาบไซโกะนั่นเอง แต่ก่อนจะถึงที่หมาย ตลอดเส้นทางเราจะได้พบเจอกับสิ่งต่างๆ มากมายที่จะพบเจอได้ยากสำหรับนักท่องเที่ยวแบบเรา เพราะส่วนใหญ่จะมาในฤดูท่องเที่ยว ไปทางไหนก็เจอคนต่างชาติ สำหรับเราที่มาช่วงเดือนตุลาคมซึ่งยังไม่ใช้ช่วงใบไม้เปลี่ยนนี้ วันนี้เราก็เจอแต่คนญี่ปุ่นค่ะ

สิ่งที่เราพบเห็นตลอดเส้นทางก็มีดังนี้ กลุ่มตั้งแคมป์ริมทะเลสาบ ส่วนใหญ่มีทั้ง ครอบครัวและกลุ่มเด็กมหาลัย กลุ่มนักวิ่งมาราธอน กลุ่มนักบิดฮาเล่ห์ (ประทับใจเพราะขบวนใหญ่มากกก) กลุ่มนักปืนเขา กลุ่มนักปั่นจักรยานภูเขา ด้านในทะเลสาบมีนักตกปลา กลุ่มที่เล่น Wakeboard (กีฬาที่คล้ายโต้คลื่นแต่มีเรือลาก) มีคนเล่นเรือใบด้วย

โอ้ยยย มันใช่อ่ะ! ด้วยความที่เราชอบกีฬากลางแจ้ง ตาเป็นประกายมากๆ อีกอย่างส่วนตัวเราคิดว่า การจะได้เห็นบรรกาศและกิจกรรมแบบนี้รวมอยู่ในที่เดียวกันมันเป็นอะไรที่ยากนะ ยิ่งถนนที่เลาะไปตามขอบทะเลสาบ อร๊ายยย นึกว่าอยู่ยุโรป (เวอร์มาก) กรี๊ดกร๊าด อยู่ในรถคนเดียวอยู่นานในที่สุดก็ถึงที่หมาย

แนะนำเกี่ยวกับถ้ำค้างคาว (Saiko Bat Cave)

Saiko Bat Cave เป็นถ้ำลาวาที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ อยู่ใต้ผิวดินไม่ลึกมานัก ด้านในถ้ำมีลักษณะคดเคี้ยวตามเส้นทางของลาวา และมีค้างคาวมาอาศัยเป็นจำนวนมาก โดยได้มีการค้นพบค้างคาวชนิดใหม่ของญี่ปุ่นที่นี่ด้วย จึงมีการตั้งพิพิธภัณฑ์ค้างคาวขึ้นมา

เวลาที่เปิดให้เข้าชม : 9:00 – 17:00 น. (เข้าก่อน 16:30 น.)
ปิดให้เข้าชม : ตั้งแต่ 1 ธันวาคม – 19 มีนาคมของทุกปี

เมื่อลงจากรถบัสแล้วจะเห็นพิพิธภัณฑ์ค้างคาวอยู่ด้านหน้า มีเรื่องราวเกี่ยวกับการค้นพบค้างคาวชนิดใหม่ที่ถ้ำแห่งนี้ด้วย ตรงกลางพิพิธภัณฑ์มีรูปโปสเตอร์แบทแมนใหญ่มาก สวยเชียว

โปสเตอร์ BATMAN The Batman ป้ายจริงใหญ่จนต้องแหงนหน้ามองเลยล่ะ

นอกจากเรื่องราวของค้างคาวแล้ว ก็ยังมีแผนที่ภูมิทัศน์โดยรอบของภูเขาไฟฟูจิด้วย ถ้าเป็นคนที่เรียนทางด้านธรรมชาติวิทยาหรือธรณีวิทยาต้องชอบแน่ๆ ค่ะ

หลังจากนั้นเราก็เตรียมเข้าถ้ำกันค่ะ ทางเข้าจะมีที่ตอกตั๋วเข้าเพราะเสียเงินค่าเข้าชมนะคะ (ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 150 เยน) ก่อนเข้าจะมีคนคอยเช็คเรื่องความปลอดภัย ให้ใส่หมวกนิรภัยให้เรียบร้อย ตอนแรกเราก็งงๆ ว่ากลัวต้นไม้ร่วงใส่หัวหรือเปล่า เพราะว่าด้านหลังทางเข้าเป็นป่าไม่ใช่ถ้ำนี่นา

พอผ่านประตูตอกตั๋วมาแล้ว ก็จะเจอกับป่าและป่า ยังไม่เห็นถ้ำอะไรเลย แต่ก็เดินตามทางไปค่ะ คิดว่าเดี๋ยวก็คงเจอ ที่นี่มีทางเดินแบบธรรมชาติไว้ให้เดินค่ะ เราสามารถเดินเล่นถ่ายรูปภูมิทัศน์โดยรอบได้ พื้นที่ของป่าแถวนี้จะมีพื้นผิวสูงต่ำไม่เท่ากัน บางจุดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่

ทางเดินไปถ้ำ พื้นที่รอบทางเดินก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ มีรอยแยกจากพื้นดินปกติด้วย เข้าใจว่าอยู่ใกล้กับภูเขาไฟขนาดมหึมา ดังนั้นเรื่องแผ่นดินไหวหรือเรื่องสภาพพื้นที่น่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก

พื้นที่รอบๆ ของที่นี่ทุกอย่างแลดูแป็นป่าที่เป็นป่าจริงๆ ไม่ค่อยมีคนมารบกวน แอบรู้สึกดี อิอิ ดังนั้นเราจึงพยายามทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ไม่แตะ ไม่สัมผัสอะไรที่เป็นการรบกวนสถานที่ แต่ก็แอบทำตัวเป็นนักธรรมชาติวิทยานะคะ ถ่ายรูปพวกมอส พวกเห็ดไว้เยอะเลย

เห็ดในป่า เห็ดน้อยๆ ที่กล้องเราไม่ยอมโฟกัส 555

พอเดินลัดเลาะมาตามทางเดินเรื่อยๆ ก็จะเจอกับทางเข้าถ้ำค่ะ เป็นแค่โพรงหินที่เปิดออกจากพื้นดินเท่านั้น การจะเข้าไปจึงต้องลงไปใต้ดินกันค่ะ เขาก็ทำไว้เป็นบันไดหินง่ายๆ แบบนี้

ทางไปถ้ำ Saiko Bat Cave ทางลงสู่ ถ้ำค้างคาวแห่งทะเลสาบไซโกะ

ภายในถ้ำ มองขึ้นมาจะเห็นเป็นกรงแบบนี้อยู่ค่ะ เข้าใจว่าป้องกันไม่ให้หินถล่มลงมาปิดปากถ้ำเวลามีแผ่นดินไหว และอันตรายอื่นๆ ด้วย (แอบได้อารมณ์คุกใต้ดินหน่อยๆ)

Saiko Bat Cave เมื่อลงมาในถ้ำแล้วจะเจอห้องโถงกว้างๆ พื้นจะมีน้ำขังนิดๆ อาจจะเพราะความชุ่มชื้นของป่าค่ะ มีการติดตั้งไฟหลายดวงตามมุมถ้ำ และมีแท่นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติของถ้ำนี้ด้วย

ถ้ำลาวา ส่วนด้านในของถ้ำค้างคาวนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ เนื่องจากเราไม่ใช่ประเทศที่มีพวกภูเขาไฟอะไรพวกนี้ การได้เห็นถ้ำที่เกิดจากการไหลของลาวาก็ค่อนข้างแปลกดีนะ จะเป็นแค่รูเล็กๆ ที่ต้องนั่งยองๆ ตลอดเวลา พื้นขรุขระและเปียก ด้านบนก็ต้องระวังความขรุขระเหมือนกัน ตรงนี้หมวกเราก็โดนสอยไปหลายที โป๊กป๊ากกันมันส์เลยล่ะ เข้าใจแล้วว่าเขาให้หมวกมาทำไม 555

ด้านในถ้ำจะมีรูลาวาหลายรูให้เข้าไปดูนะคะ แต่ว่าจะทะลุกันหมด และสุดทางเขาปิดเอาไว้ด้วยประตูไม้เพื่อความปลอยภัย แต่ยิ่งเข้าไปลึก ทางจะยิ่งแคบลงเรื่อยๆ จนแทบจะคลานกันเลยทีเดียว

หลังจากพักให้หายเหนื่อยก็เดินกลับทางเดิมค่ะ ส่วนตัวคิดว่าสนุกนะคะ แอบตื่นเต้นเล็กๆ ด้วย เพราะว่าเรามาเที่ยวที่นี่โดยที่เราไม่ได้วางแผนล่วงหน้า อยากมาก็มาเลย ไม่รู้ว่าที่เที่ยวที่จะมานั้นเป็นอย่างไร ตรงนี้เราคิดว่าคือเสน่ห์ของการเดินทางแบบนี้ค่ะ เราจะเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาแต่ว่าพอไม่รู้มาก่อน มันก็ตื่นเต้นดีจริงมั้ยคะ ใครมีเวลาก็ลองมาเที่ยวที่นี่ดูนะคะ จริงๆ ที่ทะลาสาบไซโกะนั้นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งเลย แต่ว่าเรามีเวลาน้อย ต้องกลับโตเกียวก่อน

ทางเดินรอบๆ ทะเลสาบไซโกะ ส่งท้ายความรูปทางเดินรอบๆ ทะเลสาบไซโกะค่ะ เพราะความเงิบของเราตอนลงรถผิดป้าย และอีกประมาณ 30 นาทีกว่ารถจะมา ก็ตัดสินใจเดินสรุปเดินไป 2-3 กิโล 555 กว่าจะถึงป้ายรถบัส เกือบไม่ทันจนต้องวิ่งใส่เกียร์มหาโหด เพราะถ้าพลาดเราก็ต้องกลับถึงโตเกียวดึกมากกก และ 500 เมตรสุดท้าย สภาพแบกเป้เดินทางและวิ่งขึ้นเนิน ข้างๆ คือป่าแบบทึบๆ แสงเข้าไม่ถึงมันวังเวงชวนขนลุกมาก แต่ก็ทันนะคะ นาทีสุดท้ายก่อนรถบัสมาถึงนิดเดียว เกือบได้โบกรถกลับจริงๆ ซะแล้ว

เขียนเมื่อ Apr 6, 2015
อัพเดทล่าสุด Jun 26, 2018


บทความเที่ยวคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)

› การเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยว
› บริเวณรอบทะเลสาบ
› บริเวณใกล้เคียง
ร้านค้าและร้านอาหาร
โรงแรมที่พัก

+ ดูบทความเที่ยวคาวากุจิโกะทั้งหมด

เทียบราคาโรงแรมที่พักในคาวากุจิโกะ


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com